ในหนังสือประจำปีของมูลนิธิ ‘บิลและเมลินดา เกตส์’ บิล เกตส์ได้กล่าวไว้ว่า “มันเป็นแค่ความเชื่อโบร่ำโบราณที่ว่าประเทศยากจนจะไม่สามารถร่ำรวยขึ้นมาได้”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์และมหาเศรษฐีอันดับต้นๆชองโลก ได้เขียนในหนังสือประจำปีของมูลนิธิ ‘บิลและเมลินดา เกตส์’ ซึ่งแสดงถึงแนวคิดของเขาที่มองโลกในแง่ดีต่อปัญหาความยากจนบนโลกนี้ว่า “เรื่องที่ว่าคนจนจะไม่มีทางรวยขึ้นมานั้นเป็นแค่ความเชื่อเก่าๆ ผมเชื่อว่าภายในปี 2035 จะแทบไม่มีประเทศยากจนเหลืออีกแล้วบนโลกนี้ เหลือแค่เพียงชนชั้นกลางและคนรวยเท่านั้น นวัตกรรมต่างๆ และการปฎิวัติทางดิจิตอลจะช่วยยกระดับประเทศยากจนขึ้นมาได้”
ตั้งแต่ปี 1997 มูลนิธิ ‘บิลและเมลินดา เกตส์’ ซึ่งบิล เกตส์ และภรรยาได้ร่วมกันก่อตั้งนั้น ได้บริจาคเงินจำนวน 28.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9 แสน 3 หมื่นล้านบาท) เพื่อช่วยพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุขให้แก่ประเทศยากจน เขาเชื่อว่าความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเด็กๆป่วยตายน้อยลง ในระยะยาวพ่อแม่ก็จะมีลูกน้อยลงตามไปด้วย
บิล เกตส์ เชื่อว่ามันเป็นอันตรายอย่างมากที่เราโฟกัสไปที่ข่าวร้ายแต่อย่างเดียว โดยไม่เห็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วโลกเราได้พัฒนาไปในทางที่ดีกว่าที่เคยเป็นมา และในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้ามันจะต้องดียิ่งกว่านี้ เขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่ามี 3 ความเชื่อ 3 ประการที่ขัดขวางไม่ให้ประเทศยากจนพัฒนาคือ 1. ประเทศยากจนทำอย่างไรก็จะไม่มีวันรวยขึ้นมาได้ 2. ความช่วยเหลือจากต่างประเทศให้แก่ประเทศยากจนเหล่านั้นเป็นการกระทำที่เสียเวลาและทรัพยากรเปล่าๆ และ 3. การช่วยชีวิตพวกเขาเหล่านั้นเป็นการนำพาไปสู่ปัญหาประชากรล้นโลก
น่ายินดีที่บนโลกนี้ยังมีมหาเศรษฐีใจบุญอย่าง “บิล เกตส์” ที่คิดจะช่วยเหลือโลกของเราอยู่
อ้างอิงจาก Bloomberg