Belkin เปิดตัว Boost Up แท่นชาร์จไร้สายสำหรับ iPhone 8/8 Plus และ iPhone X

ในขณะที่ AirPower ยังไม่เผยข้อมูลอะไรนัก ทาง Belkin ก็ขอเปิดก่อนด้วย Boost Up Wireless Charging Pad แท่นชาร์จไร้สายสำหรับ iPhone 8/8 Plus และ iPhone X

เปิดก่อนได้เปรียบ Belkin ผู้นำตลาดในด้านอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ เปิดตัวแท่นชาร์จไร้สายในราคาย่อมเยาแต่มอบพลังในการชาร์จเต็มพิกัดอย่าง Boost↑Up Wireless Charging Pad สำหรับ iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Qi ที่สามารถชาร์จพลังได้สูงถึง 7.5 วัตต์ สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ

สตีฟ มาโลนี่ ผู้จัดการทั่วไปและรองประธานของ เบลคิน กล่าวว่า “ลูกค้าทั่วโลกต่างหลงรัก iPhone และเราเชื่อว่าการชาร์จแบบไร้สายคืออนาคต เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ขยายโซลูชั่นการชาร์จแบบไร้สายด้วยผลิตภัณฑ์ Boost↑Up Wireless Charging Pad รุ่นใหม่นี้สำหรับ iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการช่วยให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ของการชาร์จและพร้อมได้สัมผัสประสิทธิภาพเทคโนโลยีใหม่ๆ ในวันนี้เราได้มอบการชาร์จแบบไร้สายที่ดีที่สุดและสะดวกสบายที่สุดสำหรับผู้ใช้ iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X แล้ว”

เบลคินได้ทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการชาร์จแบบไร้สายจากผู้บริโภคทั่วโลกก่อนหน้านี้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานสำหรับการชาร์จแบบไร้สายและความชื่นชอบในการซื้อสินค้า รวมถึงยังได้ตระหนักถึงความคิดเห็นของผู้บริโภคในขณะที่ออกแบบผลิตภัณฑ์อีกด้วย ทางเบลคินถือได้ว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีของแอปเปิลได้ร่วมมือเพื่อพัฒนาอุปกรณ์จึงมั่นใจได้ในเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน

ฟีเจอร์ของแท่นชาร์จไร้สาย Boost↑Up Wireless Charging Pad

  • ความสะดวกสบายแบบไร้สาย
  • ชาร์จ iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X ในขณะที่ยังคงให้การใช้งานที่ครบถ้วนของอุปกรณ์รวมถึงความสามารถในการรับสายเรียกเข้าด้วย
  • สามารถชาร์จอุปกรณ์ที่รองรับได้ด้วยกำลังไฟสูงสุด 7.5 วัตต์
  • สามารถชาร์จได้แม้ขณะใส่เคสโดยมีความหนาไม่เกิน 3 มม.
  • เทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน Qi ล่าสุด
  • การรับประกันความเสียหายของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อวงเงินสูงสุด 80,000 บาทและการรับประกันโบนัสเพิ่มเติม

สำหรับตัว Boost↑Up Wireless Charging Pad นี้ สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ Apple.com และร้าน Apple Store ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 59.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,000 บาทครับ

ที่มา : อีเมล์ PR