เว็บไซต์หาคู่(กิ๊ก)ชื่อกระฉ่อน Ashley Madison ถูกกลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า Impact Team ล้วงเอาข้อมูลสมาชิกของเว็บนี้ไปกว่า 33 ล้านรายชื่อ และเอาไปเผยแพร่ในที่สาธารณะด้วย สร้างความวิตกกังวลให้กับเหล่าผู้ใช้ในเว็บนี้เป็นอย่างมาก ทางผู้ดูแลเว็บลั่นจะตามจับแฮกเกอร์กลุ่มนี้ให้ได้ พร้อมทั้งเรียกการทำลักษณะนี้ว่า “อาชญากรรม”
ถึงคราวซวย !! Ashley Madison เว็บบริการจัดหาที่คุยแบบพิเศษ สำหรับเหล่าคู่รักที่แต่งงานแล้วมาเจอกัน โดยทางเว็บจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อจัดหาคู่ให้ แต่ตอนนี้กำลังเจอวิกฤตหนัก หลังถูกแฮกข้อมูลไปถึง 10GB ซึ่งเป็นข้อมูลของเหล่าสมาชิกทั้งหมดกว่า 33 ล้านรายชื่อ (ในเว็บมีประมาณ 40 ล้านรายชื่อ…แทบหมดพวง) โดยฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์ (หรือแครกเกอร์) ที่เรียกตัวเองว่า Impact Team ที่เคยขู่จะเผยข้อมูล หากไม่ยอมปิดเว็บเมื่อเดือนก่อนนี้เอง
ส่วนข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น แน่นอนว่าเป็นข้อมูลส่วนตัว ที่สามารถระบุตัวตนของชื่อผู้ใช้คนนั้นๆได้ไม่ยาก โดยจะมีทั้ง ชื่อ ที่อยู่ ลักษณะของผู้ใช้ และข้อมูลทางการเงิน แต่ในส่วนของ E-mail นั้น ทางเว็บไม่ได้มีการตรวจสอบใดๆ จึงทำให้พิสูจน์อะไรไม่ได้ โดยกว่า 15,000 บัญชี เป็น E-mail ของรัฐบาลสหรัฐอีกต่างหาก
ทั้งนี้ทางเว็บไซต์ มีบริการลบข้อมูลแบบ “Full Delete” โดยจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 836 บาท (£15) แต่กระนั้น ก็ยังมีข้อมูลรั่วไหลไปอยู่ดี เท่ากับว่าทางเว็บไม่ได้มีการลบข้อมูลแบบจริงๆจังๆอะไรเลย ในขณะที่ทางเว็บ กลับทำรายได้ในส่วนนี้ไปได้ถึง 1.7 ล้านเหรียญฯ ภายในปี 2014
Avid Life Media (ALM) บริษัทที่คอยบริหารเว็บไซต์ดังกล่าว ประกาศลั่นว่า “นี้ไม่ใช่แค่การแฮก แต่มันคืออาชญากรรม เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายอย่างแท้จริง” หลังกล่าวประณามเสร็จ ก็ประกาศต่อว่า จะตามหาจับตัวคนที่กระทำผิด มาลงโทษตามกฏหมายให้ได้
Noel Biderman ซีอีโอของ Avid Life Media ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นคนในนี้เอง ที่คอยให้ความช่วยเหลือการขโมยครั้งใหญ่นี้ เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางเว็บถูกแฮก แต่เป็นครั้งที่สองแล้ว โดยผู้ที่แฮกก็เป็นกลุ่มเดียวกันกับครั้งแรกด้วย จึงอาจจะมีการตั้งชุดสืบสวนภายในบริษัทเป็นแน่
สำหรับเว็บไซต์ Ashley Madison มีคำขวัญประจำเว็บคือ “Life is short. Have an affair.” ซึ่งก็มีแปลเป็นไทยด้วยว่า “ชีวิตมันสั้น อยากมันต้องมีกิ๊ก” โดยเว็บไซต์นี้ Noel Biderman และคณะ ได้ร่วมหุ้นกันก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2001 ส่วนจุด
ประสงค์จริงๆของเว็บคือ การเปิดเผยแบบจริงใจ เพราะแค่หน้าเว็บก็แสดงให้เห็นก่อนแล้วว่า ผู้ที่มาคุยอยู่ในนี้ล้วนมีเจ้าของแล้วทั้งนั้น ทำให้ตัดสินใจได้เลยว่า จะเดินหน้าหรือลุยต่อดี ส่วนเราจะคอยคุมหลังให้เอง….
ที่มา : The Guardian , Techspot