ในปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่ยุคของดิจิทัล (Digital Transformation) การเข้าถึงสื่อสารสนเทศ (Information) สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการ ค้นหาได้ง่ายกว่าในอดีต ความได้เปรียบเสียเปรียบถูกลดทอนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
ดังนั้นจึงเป็นการง่ายและยากในเวลาเดียวกันที่จะก้าวไปเป็นผู้นำสื่อและผู้นำในตลาด มีปัจจัยและข้อมูลที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกว่าจะบริโภคสินค้าและบริการใด ๆ มากขึ้น อาทิ การบอกปากต่อปาก (Word of Mouth) หรือข้อมูลในสังคมออนไลน์ (Social Media) จึงอาจกล่าวได้ว่า ขณะนี้ผู้บริโภคสามารถหาข้อมูลจากผู้ผลิตได้มากขึ้น แต่ผู้ผลิตรู้จักกับผู้บริโภคน้อยลงและไม่ทั่วถึง แนวโน้มการดำเนินธุรกิจจึงต้องมีการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและการทำวิจัยการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และกระแสสังคมในปัจจุบัน
การวิจัยการตลาด
วิธีที่จะได้คำตอบจากการทำวิจัยการตลาดในยุคปัจจุบัน ต้องเริ่มจากปรับมุมมองใหม่โดยต้องศึกษากลุ่มเป้าหมายอย่างรอบคอบและลึกซึ้งมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) สามารถส่งผ่านข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา และในอนาคตมีแนวโน้มที่เทคโนโลยีนี้จะสามารถติดตัวเราไปได้เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา เช่น การนำอุปกรณ์ด้าน ICT มาสวมใส่หรือผสานกับร่างกายมนุษย์ ข้อมูลต่าง ๆ ก็สามารถที่จะถูกส่งต่อไปได้แบบ Real-time นอกจากนี้อุปกรณ์ต่าง ๆ จะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตมากขึ้นและสามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้ (Internet of Things) เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน หรือ อุปกรณ์ติดรถยนต์ เป็นต้น ทำให้เกิดข้อมูลจำนวนมหาศาลที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมเชิงลึกของผู้บริโภค ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ส่งผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำวิจัยการตลาดจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายหรือผู้บริโภค (Customer Insight) ปัจจัยแวดล้อมและแอบแฝง (Direct and Indirect Factors) ให้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
ทั้งนี้ การศึกษาข้อมูลดังกล่าวจะดำเนินไปได้ด้วยดี จำเป็นต้องมีทีมงานมืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจในบริบทของโลกยุคดิจิทัล (Digital Age) เป็นอย่างดีคอยขับเคลื่อน โดยอาศัยการนำเครื่องมือทางการตลาด ที่ทันสมัยมาใช้เก็บรวมรวมข้อมูล วิเคราะห์และสรุปผล โดยทั่วไปการวิจัยสามารถแบ่งได้ 3 รูปแบบใหญ่ คือ การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยแบบผสม (Mixed Research) เพื่อค้นคว้า ศึกษาในประเด็นที่สนใจ เพื่อให้องค์กรที่นำข้อมูลไปใช้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมทั้งสามารถใช้ในการวางแผนด้านกลยุทธ์และการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การจะเลือกใช้วิธีการวิจัยประเภทใดนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของแต่ละงานวิจัย ยกตัวอย่าง เช่น หากต้องการทำความเข้าใจถึงปัญหาและความต้องการของผู้บริโภค สามารถเลือกใช้วิธีการทำแบบสอบถามแบบเผชิญหน้า (Face to Face Interview) การสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) การประชุมกลุ่ม (Focus Group Discussion) การวิจัยแบบลงมือปฏิบัติ (Action Research) การวิจัยแบบ Intervention หรือ การสังเกตพฤติกรรม (Observation) เป็นต้น
แนวโน้มการวิจัย
การวิจัยที่เป็นการเก็บข้อมูลแบบสอบถามธรรมดาหรือ Traditional Market Research แบบดั้งเดิมนั้น ในปัจจุบันมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยกระแสเทรนด์ใหม่ที่กำลังเข้ามาคือ Digital-Based Market Research ซึ่งเป็นการวิจัยสมัยใหม่ที่มีการบูรณาการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล มีการใช้ข้อมูลจากแหล่งออนไลน์ และโซเซียลมีเดีย เป็นแหล่งข้อมูลที่สามารถนำมาวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเครื่องมือทางการตลาดใหม่ๆตัวอย่างเช่น Google Analytics, Adobe Analytics, Facebook ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับนักวิจัยการตลาดสมัยใหม่ ที่จะทำให้นักการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งแบบเฉพาะเจาะจง และวงกว้าง ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม Traditional Market Research หรือการวิจัยตลาดแบบดั้งเดิมก็ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการทำวิจัยให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ได้ข้อมูลในเชิงลึก อย่างเช่น ทัศนคติ ความคิดเห็นต่าง ๆ ความคาดหวัง ความพึงพอใจของผู้บริโภค รวมถึงปัญหา และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงตามความต้องการได้อย่างแท้จริง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเสริมและสนับสนุนการทำการตลาด หรือ อาจเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถหาได้จากการทำ Digital-Based Market Research เพียงอย่างเดียว
แนวทางการดำเนินธุรกิจของ เออาร์ รีเสิร์ช (AR Research)
จากแนวโน้มการวิจัยการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป AR Research มีทีมงานที่มีศักยภาพในการค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาองค์กรให้ทันต่อยุคสมัยอยู่เสมอ ในวงการค้นคว้าและวิจัยข้อมูลการตลาดและอื่น ๆ เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างมากมาย โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาล (Big Data) ที่จะช่วยเข้ามาเป็นตัวแปรในการได้มาซึ่งข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างแท้จริง (Customer Insight) ผ่านการทำแทร็คกิ้ง แบบออนไลน์ (Online Tracking) ที่ทางบริษัทมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวล้ำไปสู่ความเป็นผู้นำในตลาดยุคดิจิทัล นอกจากงานด้านการวิจัยการตลาดแล้ว กลุ่มแอดวานซ์ รีเสิร์ช และกลุ่มบริษัทในเครือ ยังให้บริการด้านข้อมูล อย่างครบวงจรเพื่อเป็นเครื่องมือและโซลูชั่นสำหรับการทำการตลาดและธุรกิจสำหรับลูกค้า โดยมุ่งเน้นงานหลักคือการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อประเมินหาช่องว่างของตลาด นำมาสร้างความได้เปรียบทางการตลาดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ เรายังมีความเชี่ยวชาญในด้านการสำรวจความพึงพอใจ วิเคราะห์ วิจัย ประเมินผลนโยบายและโครงการ ภาพลักษณ์และชื่อเสียงขององค์กร การทำแผนแม่บทและแผนยุทธศาสตร์ขององค์กร แผนปฏิบัติการ รวมถึงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรบุคคลอีกด้วย
เขียนและเรียบเรียงโดย คุณชาญชัย บุณยสุรกุล
ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มแอดวานซ์ รีเสิร์ช จำกัด