ในช่วงที่ Tesla อาจมีข่าวไม่ดีนัก หลังขาดทุนยับเยินมาตลอด และหมดเงินลงทุนไปกับโครงการใหม่ ๆ ในขณะที่ Apple ก็เคยมีแผนจะพัฒนารถยนต์ไร้ขับ หรือที่ลือกันว่า “iCar” ซึ่งปัจจุบันยังขาดโรงงานผลิตอยู่
หากกล่าวถึง Tesla หลายคนก็คงนึกถึงสุดยอดรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทั้งสปอร์ต ทั้งหรู และ (แพง…) เคยเปลี่ยนโลกมาแล้ว เพราะทำให้เกิดกระแสรถยนต์ไฟฟ้าจนทุกวันนี้เอง ส่วนผู้ก่อตั้งบริษัทก็คือซีอีโอหนุ่มมากความสามารถอย่าง Elon Musk ที่นอกจากบริษัทนี้แล้ว ก็ยังควบตำแหน่งซีอีโออีกหลายบริษัท อาทิ Space X, The Boring Company, และ OpanAI กับเคยมีผลงานดังอย่าง PayPal ด้วย เรียกได้ว่าตัวซีอีโอก็เจ๋งไม่แพ้ตัวรถ ทั้งสปอร์ต ทั้งหรู และ (โคตรบ้างาน) เป็นผู้สร้างเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกมาแล้วมากมาย สำหรับ Tesla เอง ก็เรียกได้ว่าเป็นลูกรักของ Elon Musk เลย ถึงขนาดลั่นว่าจะไม่ขายกิจการนี้ให้ใคร แต่…
ปัญหาของ Tesla
ปัจจุบัน Tesla กำลังเจอตอหลาย ๆ อย่าง โดยเคสดังก็กรณี Tesla Model 3 ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกที่สุดของบริษัท ซึ่งตอนเปิดตัวก็มียอดสั่งจองนับแสน (ปัจจุบันอยู่ราว ๆ 4 แสน) เพราะมีราคาเข้าถึงง่ายขึ้นกับมีความหรูและทันสมัยไม่แพ้รุ่นบนอย่าง Model S เลย แต่พอถึงกำหนดกลับประสบปัญหาคอขวดผลิตตัวรถไม่ทัน โดยทั้งปีผลิตได้เพียง 1,550 คันเท่านั้น ปัจจุบันได้เร่งการผลิตแล้ว แต่ไม่รู้จะถึงยอดสั่งจองนับแสนกว่า ๆ ตอนไหน
อีกปัญหาก็สภาวะขาดทุนหนัก !! หลังผลประกอบไตรมาสที่ 3 ปีที่แล้ว เผยบริษัทขาดทุนกว่า 600 ล้านเหรียญฯ คาดมาจากสารพัดปัญหา ทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงมาก อะไหล่หายากตัวรถก็หาซื้อยาก และปัญหาแบตฯ ที่ยังไม่ว้าวพอ ทั้งนี้บริษัทยังถูกวิจารณ์ด้วยว่า ในขณะขาดทุนทางบริษัทยังละลายเงินจำนวนมหาศาลไปกับโครงการใหม่ ๆ อย่าง Roadster รถสปอร์ตตัว Top สุดรุ่นใหม่ และ Semi รถบรรทุกไฟฟ้าตัวแรกของบริษัท
และสุดท้าย Tesla ไม่ใช้ผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไป หลังมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังรายอื่น เริ่มจับทางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้แล้ว เช่น BMW, Audi, Mercedes-Benz และ General Motor หรือ GM (เจ้าของแบรนด์ Chevrolet) ซึ่งทาง Bob Lutz อดีตรองประธานของ GM ถึงกลับกล่าวเลยว่า “ควรรีบซื้อรถยนต์ Tesla ก่อนจะไม่มีให้ซื้อ !!”
Apple คือความหวังใหม่ ?
ก่อนหน้านู้นในปี 2014 เคยมีกระแสว่า Apple จะเข้าซื้อ Tesla หลังมีข่าวเผยว่า พบผู้บริหารฝ่ายดูแลการเข้าซื้อกิจการของ Apple ที่ชื่อ Adrian Perica (ลือกันว่า Tim Cook ไปด้วย) เข้าหาลือกับ Elon Musk โดยตอนนั้นเป็นช่วงที่ Apple ได้เข้าซื้อกิจการหลายบริษัทอยู่พอดี แต่ก็มีคนเดาว่า น่าจะไปคุยเรื่อง “CarPlay” ที่เป็นลูกเล่นของระบบปฏิบัติการ iOS สำหรับใช้ในรถยนต์ กับเรื่อง “Giga Factory” โรงงานผลิตแบตฯ ที่มีกำลังผลิตมากที่สุดในโลกของ Tesla มากกว่า
ส่วนที่เป็นกระแสนั้น ก็เพราะเคยมีข่าวหลุดว่า Apple มีแผนจะพัฒนา “รถยนต์ไร้คนขับ” ของตัวเอง !! แต่พอมีข่าวเมื่อไร Apple มักจะปิดเงียบจนหลัง ๆ ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาอีกเลย ทำให้หลายคนคิดว่า Apple น่าจะขาดในส่วนของการผลิตตัวรถยนต์ จนต้องไปคุยกับทาง Tesla ขอความร่วมมืออย่างที่เป็นข่าว ลืมบอกไปว่า รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla เอง ก็มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเหมือนกัน แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบ 100% นัก ตรงจุดนี้เองทำให้ Apple อาจเข้าไปเสนอช่วยพัฒนาเรื่องนี้ แล้วขอให้ทาง Tesla ช่วยผลิตรถยนต์ให้
ปัจจุบัน Apple ก็ถูกหลายคนวิจารณ์เรื่อง “ขาดนวัตกรรม” ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อน Apple มักจะมีสินค้าใหม่ ๆ มาให้ทุกคนได้ว้าวเสมอ ในขณะที่ Tesla หรือควรจะเรียกว่าตัวซีอีโอเองอย่าง Elon Musk ก็เป็นผู้บริหารที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมแปลกใหม่อยู่เรื่อยมา อย่างล่าสุดเลยก็ Falcon 9 กับ Falcon Heavy จรวดขนส่งขนาดยักษ์ ที่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้โดยไม่ต้องทิ้งเหมือนจรวดทั่วไป กับ Hyperloop ระบบขนส่งผ่านท่อสูญญากาศความเร็วสูง (นับปืนไฟ Flamethrower ของ The Boring Company ด้วยดีไหม…)
แต่สำหรับ Tesla นั้น ตอนนี้มีสถานการณ์ไม่สู้ดีนักอย่างที่กล่าวในตอนแรก กลายเป็นว่ากรณี Apple จากที่อาจมาขอความร่วมมือ ก็เปลี่ยนเป็น “ขอเข้าซื้อ” แทน โดยทางสื่อนอกอย่าง Businessinside กับ Futurism ถึงขนาดเขียนบทความวิเคราะห์เรื่องนี้กันเลย พร้อมแนะนำกันตรง ๆ ว่า Apple ควรเข้าซื้อ Tesla ตอนนี้ซะ หรือไม่ก็จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันก็ได้ ทาง Apple จะได้เริ่มผลิตรถยนต์ไร้คนขับ (ซะที) และเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเงินทุนของ Tesla ด้วย