สิ้นสุดการรอคอย ! iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

เป็นอย่างที่มีภาพหลุดและข่าวลือตลอด 1 ปี สำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ซึ่ง Apple จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อคืนที่ผ่านมา ตอนนี้มาสรุปกันครับว่ารายละเอียดต่างๆของ iPhone ทั้งสองรุ่นมีอะไรน่าสนใจบ้าง

iphone-6-and-6-plus-4

เริ่มที่ iPhone 6 มีความบางอยู่ที่ 6.9 มิลลิเมตร (iPhone 5s อยู่ที่ 7.6 มิลลิเมตร) มาพร้อมขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียดการแสดงผล Retina Display HD 1334 x 750 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซล 326 ppi, กระจกหน้าจอแบบใหม่ Apple เรียกว่า “Ion strengthened”  (ภายในงานเปิดตัวไม่ได้พูดถึงกระจกแบบแซฟไฟร์)

ใช้ชิปประมวลรุ่นใหม่ A8 แบบ 64-bit เล็กกว่า A7 อยู่ที่ 13% กระบวนการผลิต 20nm เร็วขึ้น 20% และการประมวลผลกราฟฟิกเร็วขึ้น 50% ขณะที่ชิปประมวลผล M8 สามารถบอกความแตกต่างระหว่างการขี่จักรยานและการทำงาน และยังสามารถคำนวณระยะทางและความสูงได้

iPhone 6 รองรับ 4G LTE ใน 20 คลื่นความถี่ ที่ความเร็ว 150 MB, มีฟีเจอร์ Voice Over LTE, รองรับ Wi-Fi เร็วขึ้น 3 เท่า สามารถโทรศัพท์ผ่าน Wi-Fi ได้

iPhone 6 มีกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม, ใช้แฟลชแบบ true-tone, 1.5 micron pixels, f/2.2 มีเซนเซอร์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นจาก iSight เรียกว่า “focus pixels”
มีระบบ autofocus ที่เร็วขึ้น, มีเทคโนโลยี digital image stabilization (ระบบกันสั่นในรูปแบบของซอฟต์แวร์), รองรับการบันทึกวีดีโอ 1080p ที่ 30 กับ 60fps และการถ่าย Slo-Motion ได้ถึง 240 fps,

กล้องหน้า iPhone 6 ใช้ New FaceTime HD, เซนเซอร์ f/2.2 รองรับการถ่าย Selfie ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขนาดแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ซึ่ง Apple ระบุบนเวทีว่า iPhone 6 สามารถคุยโทรศัพท์ในขณะเปิด 3G ได้นานถึง 14 ชั่วโมง

iphone-6-and-6-plus-1

iphone-6-and-6-plus-2

iphone-6-and-6-plus-3

ทางด้าน iPhone 6 Plus มีขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Retina Display HD) มีจำนวนพิกเซลที่มากกว่า iPhone 5s ถึง 185% บาง 7.1 มิลลิเมตร ส่วนอื่นๆ ทั้ง กระจกหน้าจอ, ชิปประมวลผล, ความละเอียดของกล้องหลังและกล้องหน้า รวมไปถึงเซนซอร์ต่างๆ, การเชื่อมต่อ Wi-Fi และ 4G LTE เหมือนกับ iPhone 6

แต่สำหรับกล้องหลังของ iPhone 6 Plus ทาง Apple ในเพิ่มระบบกันสั่นไหวในรูปแบบของฮาร์ดแวร์ขณะถ่ายภาพที่เรียกว่าเทคโนโลยี Optical Image Stabilization หรือ OIS ซึ่งจะต่างไปจาก iPhone 6 ที่ใช้ระบบกันสั่นที่เรียกว่า digital image stabilization (ระบบกันสั่นในรูปแบบของซอฟต์แวร์)

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ที่ใหญ่ของ iPhone 6 Plus สามารถคุยโทรศัพท์ในขณะเปิด 3G ได้นานถึง 24 ชั่วโมง

อีกหนึ่งความเหมือนกันของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้แก่ การย้ายปุ่มโฮมไปอยู่ด้านข้างตัวเครื่อง, การใช้หน้าจอและแป้นพิมพ์ในแนวนอนเหมือน iPad ได้แล้ว, มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า “reachability” ใช้การแตะปุ่มโฮมสองครั้งเพื่อให้หน้าที่แสดงผลอยู่ในขณะนั้นถอยลงมาอยู่ครึ่งหน้าจอ ไว้สำหรับการใช้งานอื่นๆด้านบนของหน้าจอด้วยมือเดียว

ฟีเจอร์ที่เรียกว่า “reachability”

iphone-6-and-6-plus-8

เคสสำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แบ่งเป็นสองชนิด ได้แก่

1. แบบ Leather Case

iphone-6-and-6-plus-5

2. แบบ Silicone Case

iphone-6-and-6-plus-6

 

สำหรับเรื่องของราคา แบ่งออกเป็นดังนี้

iPhone 6 มีรุ่น 16, 64 และ 128GB ราคาเริ่มต้น 199$, 299$ และ 399$ ตามลำดับ เป็นแบบติดสัญญาสองปี 

ส่วน iPhone 6 Plus ราคาเริ่มต้นที่ 299$ สำหรับ 16GB, 399$ ในรุ่น 64GB และ 499$ สำหรับ 128GB เป็นแบบติดสัญญาสองปี 

เริ่มต้นปรีออเดอร์ 12 กันยายน ขายจริง 19 กันยายน ใน 9 ประเทศแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, แคนาดา, เยอรมัน, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น และจะวางขายใน 115 ประเทศภายในสิ้นปี 2014 (คาดว่าจะมาถึงประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกับ iPhone 5c และ iPhone 5s)

ภาพจาก Apple และ The Verge

 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here