ปล่อยให้ดาวน์โหลดแล้วสำหรับ iOS 10.3 ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดสำหรับ iPhone, iPad และ iPod Touch ในรุ่นที่กำหนด ซึ่งก่อนที่จะเริ่มอัพเดตกันมาดูกันว่าในเวอร์ชั่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. อัพเดตฟีเจอร์ Find My iPhone
– สามารถค้นหาตำแหน่งหูฟัง AirPod ได้แล้ว
– สามารถสั่งให้ AirPod ส่งเสียง เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา
2. อัพเดต Siri
– สนับสนุนเรื่อง Mobile Payment และตรวจบิลชำระเงินได้จากแอพด้านการเงิน
– สนับสนุนการกำหนดเวลาล่วงหน้าในการใช้บริการแอพการเดินทาง อาทิ Uber
– รองรับการตรวจสอบระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, สถานะล็อค, เปิดปิดไฟส่องสว่างของรถยนต์ผ่านแอพ Automaker
– รองรับการเช็คผลกีฬาคริกเก็ตจากลีกของอินเดียและหลายชาติมากขึ้น
3. อัพเดต CarPlay
– สร้างปุ่ม shortcuts บนแถบสถานะเพื่อการเข้าถึงแอพล่าสุดได้ง่ายขึ้น
– ในขณะเล่นเพลงจาก Apple Music สามารถเข้าถึงอัลบั้มถัดไปหรือเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มที่ฟังอยู่ได้
– จัดหมวดหมู่เพลงใน Apple Music ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น
4. อัพเดต Apple Maps
– สามารถตรวจเช็คสภาพอากาศภายใน Apple Maps ได้โดยไม่ต้องเปิดแอพ Weather แยกออกต่างหาก
– เพิ่มฟีเจอร์ “Find My Car” สามารถค้นหาตำแหน่งของรถที่จอดอยู่ได้ผ่าน Apple Maps
5. อัพเดตแอพ Calendar, Mail และ Safari
– การปรับปรุงความเสถียรของ VoiceOver บน iPhone สำหรับแอพ Safari และ Mail
– แอพ Calendar สามารถปฏิเสธหรือลบข้อความเชิญที่ไม่ต้อง หรือกำหนดได้ว่าคำเชิญลักษณะดังกล่าวเป็นขยะ
ส่วนการปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่ การสนับสนุนแอพ Home Kit ในการเช็คสถานะของแบตเตอรี่, แอพ Podcasts อัพเดตวิตเจ็ตใหม่สำหรับ 3D Touch, แก้ปัญหาการแสดงตำแหน่งปัจจุบันบน Apple Maps หลังรีเซ็ตตำแหน่งและความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ใน iOS 10.3 Apple ยังเปลี่ยนโครงสร้างระบบไฟล์พื้นฐาน หันมาใช้ APFS (Apple File System) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการลดการใช้ทรัพยากรภายในเครื่องให้น้อยลง และการทำงานของอุปกรณ์ที่เร็วขึ้น รวมถึงสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่เป็น Flash และ SSD ได้เป็นอย่างดี
อุปกรณ์ใดบ้างที่สามารถอัพเดต iOS 10.3
– iPhone 7 / 7 Plus
– iPhone SE, 5s
– iPhone 6 / 6 Plus
– iPhone 6 Plus / 6s Plus
– iPhone 5 / 5c
– iPad รุ่น 9.7 นิ้ว
– iPad 4
– iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว
– iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว
– iPad mini 4, iPad mini 3, iPad mini 2
– iPad Air / iPad Air 2
– iPod Touch 6th Gen
อัพเดตตอนนี้ดีไหม ?
เนื่องจากในตอนนี้เป็นช่วงแรกที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้อัพเดต ดังนั้นในระยะนี้จึงอาจยังไม่พบปัญหา แต่หากใครที่ไม่รีบต้องอัพเดตหรือ Apple บังคับให้อัพเดต ! รอดูฟัดแบ็คจากบล็อกเกอร์หรือสื่อหลายๆ เจ้าทั้งในและต่างประเทศกันก่อนอัพเดตก็ได้ครับ
ขั้นตอนการอัพเดต
1. เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เป็นการอัพเดตแบบ OTA แนะนำว่าให้ใช้ Wi-Fi สำหรับการอัพเดต ! พร้อมต่อสายชาร์จควบคู่ไปด้วย โดยวิธีการอัพเดตให้เข้าไปที่แอพการตั้งค่า > ทั่วไป > ซอฟต์แวร์อัพเดต จากนั้นกดอัพเดต แล้วรอจนกว่าจะอัพเดตเสร็จ ซึ่งอาจใช้เวลานานเล็กน้อย
2. อัพเดตผ่าน iTunes เป็นวิธีที่อาจยุ่งยากเล็กน้อย ใช้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS กับคอมพิวเตอร์หรือเครื่อง Mac จากนั้นเปิดโปรแกรม iTunes และคลิกที่ Check for Update พร้อมคลิก Update จากนั้นรอจนกว่าจะอัพเดตเสร็จเรียบร้อย