[สร้างเองใช้เอง] “ใหม่ล่าสุด ในราคาที่ดีที่สุด” คือคำเปรยแรกของ iPhone 16e สมาร์ทโฟนตัวล่าสุดของ Apple ชูราคาเบา ๆ (แบบสไตล์ Apple) ให้เข้าถึงนวัตกรรมเด่นของ iPhone 16 Series พร้อมชิป A18 ได้ง่ายขึ้น แต่ก็แลกกับ ‘ฟีเจอร์กล้อง’ ที่ถูกตัดออกแทบเหี้ยนแทน ทั้งหมดนี้คงเป็นจุดโฟกัสของใครหลาย ๆ คน แต่รู้หรือไม่ว่า iPhone 16e มาพร้อม ‘C1’ หรือชิปโมเด็ม 5G ตัวแรกจาก Apple ด้วย
อะไรคือ Apple C1
ตามรายงานของ Apple กล่าวว่าเป็น “โมเด็มระบบเซลลูลาร์ตัวแรกที่ออกแบบโดย Apple” โดยชิป Apple C1 ก็จะมาแทนที่ชิปโมเด็ม 5G ตัวก่อนหน้าอย่าง Snapdragon X75 จาก Qualcomm ซึ่งปัจจุบันมีใน iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max สองสมาร์ทโฟนระดับเรือธงตัวล่าสุด
แต่ไม่นานมานี้ Apple ได้เปิดตัว iPhone 16e สมาร์ทโฟนที่หยิบเอาฟีเจอร์เด่น ๆ ของ iPhone 16 Series มา “ย่ อ ส่ ว น” โดยตัดฟีเจอร์บางอย่างออกเพื่อให้มีราคาถูกลง แต่ก็ยังคงชิปที่ทรงพลังอย่าง Apple A18 เอาไว้ เพื่อให้การใช้งานแทบไม่ต่างจากรุ่น Top (แต่แอบตัดชิป GPU เหลือ 4 Core) ส่วนที่น่าสนใจ คือการที่ Apple นำชิป C1 มาประเดิมใช้งานครั้งแรกใน iPhone 16e ด้วย แทนที่จะเป็นซีรีส์ถัดไปหรือ “iPhone 17 Series” ทว่าหากลองดูดี ๆ แล้ว ก็มีเหตุผลที่เข้าใจได้อยู่ตามนี้
คุณสมบัติเด่นของชิป C1
ในส่วนนี้ ทาง Apple ได้กล่าวว่าทั้งแบรนด์ได้นำข้อดีของ Apple Silicon มาพัฒนาต่อยอดจนได้เป็น C1 พร้อมชูว่าเป็นโมเด็มที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone (อาจแก้ปัญหาเรื่องแบตฯ ไหลได้ใช่ไหม…ใช่ไหม) และยังมีการเชื่อมต่อคลื่น 5G ที่รวดเร็วและเสถียรกว่าเดิมด้วย
อีกจุดสำคัญคือตัวชิป C1 ทาง Apple เผยมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้มีความเข้ากันได้กับ iOS 18 ได้ดีขึ้น และส่งผลให้การจัดการพลังงานหรือแบตเตอรี่ ทำได้ดีกว่าชิปเดิมที่เป็นของ Qualcomm อย่างมีนัยยะ
ข้อสังเกตของชิป C1
แต่อย่างไรก็ตาม ทางสื่อ wccftech เผยชิป C1 ไม่รองรับเครือข่าย mmWave เหมือนตัว Snapdragon X75 ของ Qualcomm (แต่มี 5G sub‑6 GHz แทน) ทั้งยังมองว่า Apple ต้องเจอกับ “ศาสตร์ใหม่” ในการออกแบบวงจรตัวชิป ที่จำเป็นต้องวาง ‘เสาอากาศ’ ในอุปกรณ์ที่ส่งผ่านข้อมูลได้มากที่สุด และจำเป็นต้องทำการทดสอบหลายครั้งด้วย เพื่อให้มั่นใจถึงความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
ฉะนั้นตัวชิป C1 ใน iPhone 16e จึงอาจเป็นเหมือนการทดสอบจากผู้ใช้งานจริง ก่อนจะมีการนำไปปรับปรุง และเอาไปใช้งานใน iPhone ตัว Top ซีรีส์ถัดไปหรือ iPhone 17 Series ก็เป็นได้
ที่มา : AppleNewsroom , wccftech
