จากข้อมูลของ Financial Times พบว่า Snapchat, Facebook, Twitter และ YouTube สูญเสียรายได้ประมาณ 9.85 พันล้านดอลลาร์หลังจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของ Apple เมื่อปีที่แล้ว
.
โดย Apple ได้ประกาศนโยบายด้านความโปร่งในการติดตามแอป หรือ App Tracking Transparency (ATT) ที่กำหนดให้ทุกแอปต้องขออนุญาตเพื่อที่จะติดตามข้อมูลของผู้ใช้ โดยนโยบายนี้มีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน และจะห้ามไม่ให้แอปติดตามผู้ใช้หากพวกเขาเลือกไม่ใช้ครับ
.
ก่อนหน้านี้ Facebook ได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวตลอดมา ด้วยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แบบเต็มหน้า และต้องขอบคุณรายงานของ Financial Times ที่ตอนนี้ทำให้รู้ว่า ทำไมพี่ Mark Zuckerberg ถึงได้หงุดหงิดขนาดนั้น เพราะ Facebook เป็นผู้ที่สูญเสียรายได้มากที่สุดหากเทียบกับแพลทฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ
.
ทั้งนี้ นโยบายใหม่ของ Apple กำลังบังคับให้แพลทฟอร์มโซเชีบลมีเดียรวมถึงแอปอื่น ๆ หารายได้จากแหล่งอื่นที่ได้ไม่เกี่ยวข้องกับการติดตามข้อมูลบน iPhone เพราะขัดต่อหลักความเป็นส่วนตัวของ Apple
.
ทั้งนี้ หลายคนอาจคิดว่า การที่ Facebook สูญเสียรายได้นั้นไม่ใช่เรื่องของเรา ดีแล้วที่จะไม่มีโฆษณา อันนี้อาจจะเข้าใจกันผิดไปนิดหนึ่ง แม้เราจะไม่ได้ให้ Facebook ติดตามา แต่โฆษณาก็ยังถูกยิงมาหาเราอยู่ดีครับ โดยดูจากอายุและเพศครับ แต่มันอาจจะไม่ใช่โฆษณาที่ตรงใจเราสักเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ให้ Facebook เก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวเราครับ
.
และสิ่งหนึ่งที่หลายคนมักลืม ถึงแม้ว่าเราจะไม่ให้แอปติดตามเราข้อมูลเราบน iOS แต่พอเราใช้งานระบบอื่น ๆ เช่น Windows และเข้า Facebook ผ่านเบราว์เซอร์ แอปก็ยังสามารถติดตามเราได้อยู่ดีนะ ฉะนั้น หากไม่อยากโดนติดตามเลย คงต้องใช้ Facebook แค่บน iOS ครับ
.
ที่กล่าวมา ไม่ได้จะยุยงให้ยอมให้ Facebook ติดตามหรือบล็อคจากทุกอย่าง Facebook นะแต่เพียงอยากชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น ผมสนใจเรื่อง Hardware Computer บ่อยครั้งก็มีโฆษณาโปรโมชั่นยิงมาหน้าฟีด ซึ่งก็ดีนะ… แต่แค่อาจจะไม่รู้สึกปลอดภัยสำหรับบางคนครับ
.
ที่มาข้อมูล