Alibaba จัดหนัก ทุ่ม 590 ล้านเหรียญฯ ลงทุนกับ Meizu เตรียมลุยธุรกิจสมาร์ทโฟน

เจ้าพ่อธุรกิจ e-commerce สัญชาติจีน อย่าง Alibaba ประกาศเข้าซื้อหุ้นของ Meizu บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในจีนด้วยกันเอง ด้วยเงินจำนวนถึง 590 เหรียญฯ พร้อมทั้งดันระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง YunOS เพื่อขยายตัวธุรกิจของตนเอง และ นับเป็นการกระโดดเข้าสู่สรภูมิตลาดสมาร์ทโฟนในที่สุด

jackma_alibaba_AlibabaJack Ma ก่อตั้ง Alibaba (ภาพจาก loftuspeak.com)

ช่วงนี้ ก็ว่าจีนไปตีตลาดสมาร์ทโฟนนอกประเทศชนิดร้อนระอุแล้ว แต่ภายในประเทศจีนเอง กลับมีการแข่งขันกันเองที่ดุเดือดไม่แพ้กัน เมื่อยักษ์ใหญ่ธุรกิจ e-commerce อย่าง Alibaba ที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งทดลองส่งสินค้าด้วยโดรนตัดหน้าเจ้าอื่นไปอยู่หยกๆ ล่าสุดก็ประกาศทุ่มเงินถึง 590 เหรียญฯ (19,000 ล้านบาท) ซื้อหุ้นของ Meizu (Meizu Technology Corporation) บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนและสินค้าอุปกรณ์อิเลคโทรนิกที่กำลังมาแรงอยู่ขณะนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อดันระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง YunOS ที่มีการเอื้ออำนวยต่อธุรกิจของ Alibaba ไปไว้ในรูปแบบของสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นการร่วมมือกันในเชิงกลยุทธ์นั้นเอง อาจเรียกได้ว่า เป็นการสร้างพื้นที่หรือขยายตัวธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสะดวกกับลูกค้าให้สามารถเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนได้สะดวกยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนลูกค้านั้นเอง

20121029T120039Meizu สมาร์ทโฟน (ภาพจาก usemypage.blogspot.com)

แต่อย่างไรก็ตาม แม้สมาร์ทโฟน Meizu กำลังมาแรงก็จริง แต่เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆในจีนด้วนกันแล้ว อย่าง Xiaomi ที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า และมีส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่าโข ถึงอย่างนั้นทาง Meizu ก็กล่าวว่า “การลงทุนคือการเดิมพันอนาคต เพื่อให้บริษัทก้าวหน้า” และเชื่อว่า ด้วยความช่วยเหลือจาก Alibaba จะทำให้สามารถเร่งการเติบโตได้ไม่แพ้ Xiaomi และ  Oppo แน่นอน

เรียกได้ว่า เป็นการประชันกันตรงๆ ระหว่างธุรกิจสมาร์ทโฟนของจีนด้วยกันเอง ไม่แน่ว่า ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นสมาร์ทโฟนยี่ห้อ Alibaba ก็เป็นได้ ส่วนตัวบริษัทดังกล่าวก็ถือได้ว่า มีความกล้าที่จะเสี่ยง และตัดสินใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว หรือเพราะแบบนี้เอง จึงทำให้บริษัทเติบโตจนกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ทุกวันนี้ จนมีมูลค่าทางการตลาดถึง 285 พันล้านเหรียญฯ (สถิติเมื่อปีที่แล้ว) และ ตัวผู้ก่อตั้งเองอย่าง Jack Ma ก็กลายมาเป็นมหาเศรษฐีจีนอันดับหนึ่งของจีน นั้นเอง

ที่มา : forbes

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here