ก่อนที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) จะก้าวขึ้นมาเป็นโอเอสมหาชนได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องฝ่าฝันอุปสรรคนับไม่ถ้วน ไม่เว้นแม้กระทั่งการเคยโดนซัมซุง (Samsung) กล่าวหาว่าเป็นเรื่องที่เหลวใหลที่คนเพียงน้อยนิดจะสามารถสร้างแอนดรอยด์ให้เป็นจริงได้
ความลับบางช่วงบางตอนของตำนานแอนดรอยด์ได้ถูกเปิดเผยขึ้นโดยในเนื้อความระบุว่า เมื่อปี 2003 ในยุคที่โทรศัพท์มือถือรุ่งเรืองและยังไม่มีผู้ผลิตรายใดสามารถผลิตสมาร์ทโฟนได้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนทุกวันนี้ และในขณะนั้น แอนดี้ รูบิน ยังเป็นวิศวกรอยู่ที่ Carl Zeiss (ก่อนที่จะถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อแอนดรอยด์เช่นทุกวันนี้) แต่ต่อมา แอนดี้ รูบิน ได้จัดตั้งบริษัท startup ชื่อว่า Danger เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติสำหรับอุปกรณ์พกพา จนกระทั่งมีการออกแบบมือถือที่ชื่อว่า Sidekick ให้กับบริษัท T-Mobile และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แอนดี้ รูบิน หันมาสนใจพัฒนาโครงการแอนดรอยด์อย่างจริงจัง
ในปี 2004 การระดมทุนเพื่อพัฒนาแอนดรอยด์ของแอนดี้ รูบิน ค่อนมีอุปสรรคพอสมควร เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่ยังไม่มีบริษัทหรือนายทุนใดให้การสนับสนุนนัก จนแอนดี้ รูบิน ตัดสินใจขนทีมงานจำนวน 8 คนในขณะนั้นบินไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเข้าไปเสนอโครงการแอนดรอยด์กับยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุง ซึ่งในห้องประชุมมีผู้บริหารถึง 20 คนเข้ามาร่วมฟังการบรรยายโครงการของแอนดี้ รูบิน
แต่สิ่งที่แอนดี้ รูบิน ได้รับการตอบกลับมาจากทีมผู้บริหารซัมซุงเป็นเพียงประโยคที่ว่า “โครงการใหญ่ขนาดนี้กับทีมงานของคุณเพียงเท่านี้ เป็นเรื่องที่เหลวใหลที่คนเพียงน้อยนิดจะสามารถสร้างแอนดรอยด์ให้เป็นจริงได้” หลังจากก็มีเสียงหัวเราะตามมาจากทีมผู้บริหารซัมซุงก่อนที่จะลุกออกจากห้องประชุมไป
แต่แล้วหลังจากนั้นเพียง 2 สัปดาห์ หรือต้นปี 2005 แลร์รี่ เพจ ได้นัดพูดคุยกับ แอนดี้ รูบิน หลังที่ได้ยินเรื่องราวโครงการแอนดรอยด์ ซึ่งแลร์รี่ เพจ ไม่ได้เข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนาแต่กลับเป็นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า Google ยอมจ่ายเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อแอนดรอยด์ เนื่องจาก Google แสดงท่าทีชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมมือถือ ซึ่งนับการซื้อแอนดรอยด์เป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะมาก เพราะหากไม่ตัดสินใจในตอนนั้นอาจเป็นไมโครซอฟท์ที่เข้ามาซื้อแอนดรอยด์ไปแทน