สำหรับใครที่กำลังมองหา “Tablet with Stylus” หรือ แท็บเล็ตพร้อมปากกา แต่มีเงื่อนไขว่า “ต้องพกพาสะดวก” และ “มีระบบ OS ในตัว” ตอบโจทย์ Mobility โดยเฉพาะ
จาก Stylus ที่เคยไร้ประโยชน์ในยุคโน้น ปัจจุบันถูกชุบชีวิตใหม่ด้วย “Tablet with Stylus” แท็บเล็ตพร้อมปากกายุคใหม่ ที่ปัจจุบันมาพร้อมระบบปฏิบัติการในตัว สามารถใช้งานแบบ 2-in-1 พิมพ์ก็ได้ เขียนก็ดี และใช้งานแบบ Standalone ได้อีกด้วย ไม่ต้องต่อพ่วงเหมือนเมาส์ปากกาอีกต่อไป แต่ปัจจุบันกลับมีอุปกรณ์ที่คล้าย ๆ กันหลายรุ่น จนไม่รู้ว่าจะเอาตัวไหนดี ฉะนั้นลองมาดูแท็บเล็ตขีดเขียน “คัดพิเศษ” ที่วางขายกันในบ้านเรา และมาดูเทคโนโลยี Stylus ที่ใช้ในแต่ล่ะรุ่นกันครับ
รู้กับ Stylus ทั้งสามชนิด
ก่อนจะไปดูแท็บเล็ตขีดเขียนรุ่นแนะนำ ลองมาดูเทคโนโลยี Stylus ยอดฮิตในปัจจุบันกันก่อน จะได้ช่วยติดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ชอบแบบไหนลองดูกันเลย
Wacom Pen
มาเริ่มที่เจ้าพ่ออุปกรณ์สาย Art กันก่อน ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งของวงการนี้เลย สำหรับจุดเด่น Stylus หรือปากกาของทาง Wacom นั้นคือ EMR (Electro-Magnetic Resonance) เทคโนโลยีเรโซแนนซ์แม่เหล็กไฟฟ้าเฉพาะตัว ที่ช่วยให้ตัวปากกา สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งสายไฟและแบตเตอรี่เลย (ไม่ต้องใส่ถ่านปากกา) หลักการทำงาน อธิบายง่าย ๆ คือ ตัวแท็บเล็ต จะส่งพลังงานไปเลี้ยงตัวปากกาเอง ส่วนตัวปากกาหลังได้รับพลังงานแล้ว ก็จะส่งสัญญาณความถี่วิทยุ (RF) กลับมาด้วย โดยจะสลับกันอย่างนี้เป็นจำนวนหลายครั้งต่อวินาที เรียกได้ว่าเป็นการสลับโหมดพลังงานกับโหมดเซ็นเซอร์ของตัวปากกานั้นเอง ท้ายนี้ตัวปากกาของ Wacom ยังมีข้อได้เปรียบอีกอย่างคือ “ระบบวัดมุมปากกา” ที่สามารถวัดค่าความเอียงของปากกาได้ดีพอตัว ซึ่งแม้จะมีแท็บเล็ตค่ายอื่น มาขอใช้เทคโนโลยีปากกาจาก Wacom ไปส่วนหนึ่งบ้าง แต่ระบบวัดมุมปากกานี้ มีเฉพาะในอุปกรณ์ของทาง Wacom เท่านั้น
N-Trig
สำหรับใครที่ใช้ Surface Pro ก็น่าจะคุ้นเคยกับปากกาแบบนี้ดี นับเป็นปากกาที่นิยมใช้ในแท็บเล็ตค่ายอื่น ๆ มากมายทีเดียว จุดเด่นของ N-Trig คือ เน้นใช้งานจดบันทึกตัวลายอักษร สามารถเชื่อมต่อการใช้งานผ่าน Bluetooth ได้ ทำให้รองรับการใช้งานกับแท็บเล็ตค่ายอื่น ๆ ได้หลายตัว และแน่นอนว่า ตัวพลังงานที่ปากกาเอาไว้ใช้เชื่อมต่อนั้น ก็มาจากถ่านขนาด AAAA (ที่หาซื้อยากในสามโลก) และถ่ายกระดุมในตัวนี้เอง ส่วนความแม่นยำ ตัวปากกามีเซ็นเซอร์รายงานการเคลื่อนไหวภายในตัวอยู่แล้ว ทำให้ใช้งานขีด ๆ เขียน ๆ ได้ไม่แพ้ปากกาของทาง Wacom เลย แต่ติดที่ระบบวัดมุมปากกายังไม่ดีเท่า
Apple Pencil
สุดท้ายกับ Stylus (หรือเปล่า..) ม้ามืดที่อยู่ดี ๆ โผล่มาเซอร์ไพรส์ให้สาวกตะลึง มันคือ Apple Pencil เป็นอุปกรณ์เสริมที่ ขายแยกในราคา “3900 บาท” ใช้ได้เฉพาะ iPad Pro เท่านั้น สำหรับเทคโนโลยีของปากก.. เอ้ย !! ดินสอตัวนี้ ค่อนข้างลับเฉพาะพอควร ทาง Apple ไม่เผยเบื้องลึกเท่าไรนัก แต่ก็ไม่วายมีผู้ใช้บางคนลองชำแหละเองซะเลย ก็พบชิปประมวลผลมากมาย ประกอบด้วยชิปส่งสัญญาณ Bluetooth และชิปปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้บางตัว และเมื่อมี Bluetooth ตัว Apple Pencil ก็ต้องใช้พลังงานในตัวเหมือนกับปากกา N-Trig แต่เป็นแบตฯ ในตัว เสียบชาร์จผ่าน iPad Pro ได้ จึงมีความสะดวกกว่า ส่วนหลักการทำงานก็น่าจะคล้าย ๆ กัน แต่กลับให้ความรู้สึกขีดเขียนที่เป็นธรรมชาติกว่ามาก (จากที่ลองเทียบด้วยตัวเอง) ยิ่งรวมกับหน้าจอ ProMotion ของ iPad Pro รุ่นใหม่ด้วยแล้ว ที่มี Refresh rate สูงถึง 120Hz ทำให้ตอบสนองต่อการวาดเขียนได้ดีขึ้นเยอะ ตัวนี้ยกให้เป็นคู่แข่งที่สูสีกับปากกา Wacom เลยครับ
Pen Pressure คืออะไร
Pen Pressure หรือค่าวัดแรงกดของ Stylus หรือปากกา ซึ่งปัจจุบันมีตั้งแต่ 256 , 1024 , 2048 , 4096 ไปจนถึง 8192 ระดับ (Level) โดยยิ่งมีค่านี้เยอะ ก็ยิ่งทำให้การขีดเขียนสมจริงขึ้น สามารถใช้แรงกดให้เส้นมีความเข้มหรืออ่อนได้ตามต้องการ ง่าย ๆ คือ ยิ่งเยอะยิ่งดีนั้นแหล่ะ ตอนนี้เองก็มีแท็บเล็ตพร้อมปากกาหลายตัว ที่ส่วนใหญ่รองรับแรงกดอยู่ที่ 1024 ระดับ ซึ่งเพียงพอต่อการขีดเขียนแล้ว แต่ให้ดีควรใช้ 2048 ระดับขึ้นไปจะดีกว่า ดังนั้นในแท็บเล็ตพร้อมปากกาที่จะแนะนำต่อไปนี้ จะคัดเฉพาะตัวที่รองรับแรงกด 2048 ระดับเป็นต้นไปดังนี้ครับ
1.Lenovo Miix 510
ในยุคที่ Surface Pro มีราคาเกินเอื้อม Lenovo Miix 510 ก็เข้ามาตอยโจทย์คนที่อยากได้แท็บเล็ตพร้อมปากกาในราคาย่อมเยาพอดี โดยมีราคาเริ่มเพียง 2 หมื่นต้น ๆ เท่านั้น แต่ได้ทั้งตัวเครื่อง ปากกา และคียบอร์ดในตัวเลย สำหรับปากกาเป็น Lenovo Active Pen ที่ใส้ในใช้เทคโนโลยีจาก Wacom (แต่ยังต้องพึ่งถ่าน AAAA ในตัว) ทำให้ตอบสนองการวาดได้ดีพอควร ทั้งยังรองรับแรงกดได้ถึง 2048 ระดับด้วย
สเปก Lenovo Miix 510
Display : หน้าจอขนาด 12.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD
CPU : i3-7100U , i5-7200U , i7-6500U
RAM : 4GB DDR4 , 8GB DDR4
SSD : 128GB , 256GB, 512GB
OS : Windows 10
Stylus : Lenovo Active Pen (Wacom) 2048 ระดับ ราคา : 23,990 – 45,990 บาท
2.Lenovo Yoga Book
เป็นโน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตสองหน้าจอ หรือให้พูดตรง ๆ มันคือเมาส์ปากการวมร่างกับแท็บเล็ตดี ๆ นี้เอง ตัวนี้เคยมีโอกาสได้ลองใช้งานมาแล้ว ต้องบอกเลยว่า มันคือโน๊ตบุ๊ตที่บางเบาที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย (ถ้าไม่ติดซีพียู Atom กับรอม eMMC จะดีมาก) จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือ ตัวปากกา “Real Pen” สามารถใส่ใส้ปากกาที่มีหมึกจริง ๆ ได้ด้วย โดยตัวเครื่องจะแถมสนุดโน็ตแบบฉีกให้หนึ่งเล่ม เอาไว้วางทับบน “Real Peper” หรือบนแป้นพิมพ์สัมผัสในตัวนี้เอง ทำให้เราได้ Feeling การเขียนบนกระดาษจริง ซึ่งการขีดเขียนของเราก็จะไปแสดงผลในหน้าจออีกฝั่งทั้งหมด สำหรับ Yoga Book ก็มาพร้อมปากกา Real Pen ที่รองรับแรงกดได้ถึง 2048 ระดับ และที่พิเศษคือใช้เทคโนโลยี EMR ของ Wacom ด้วย ทำให้ไม่ต้องใส่ถ่านเหมือนปากกา N-Trig แต่ในเรื่องการแลเงาหรือเอียงปากกา ยังไม่ดีเท่าปากกา Wacom จริง ๆ ถึงอย่างนั้นคุณภาพการขีดเขียนก็ใกล้เคียงอยู่นะ
ลองดูรีวิวได้ที่นี้ : รีวิว Lenovo Yoga Book สมุดโน๊ตในร่างแท็บเล็ต บางเบาที่สุดในสามโลก !!
สเปก Lenovo Yoga Book
Display : หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD
CPU : Intel Atom x5-Z8550
RAM : 4GB LPDDR3
eMMC : 64 GB (ใส่ SD Crad ได้สูงสุด 128GB)
OS : มีให้เลือกระหว่าง Windows 10 กับ Android 6.0
Stylus : Real Pen (Wacom) 2048 ระดับ ราคา : 19,990 บาท (Android 6.0) , 24,990 บาท (Windows 10)
3.HP Pavilion x360 14 (2017)
อีกตัวเลือก สำหรับใครที่อยากได้แท็บเล็ตที่มีความเป็นโน๊ตบุ๊คอยู่ แต่ยังใช้ปากกาขีดเขียนจอได้ดี ก็แนะนำ HP Pavilion x360 โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่มาพร้อมการ์ดจอ GeForce GT 940MX (2GB GDDR3) ในตัวด้วย โดยสเปกนี้จะมีเฉพาะรุ่นปี 2017 เท่านั้น สำหรับ Pavilion x360 ตัวเครื่องสามารถพับหน้าจอได้ 360 องศา ทำให้กลายสภาพเป็นแท็บเล็ต (ที่หนักนิด ๆ) ให้เราได้ขีดเขียนบนหน้าจอสัมผัสได้สะดวก ส่วนด้านการขีดเขียน ตัวเครื่องรองรับการใช้งานปากกา “HP Active Stylus” ได้ (ต้องซื้อแยก) โดยเป็นปากกาแบบ N-Trig รองรับแรงกด 2048 ระดับ
สเปก HP Pavilion x360 14 (2017)
Display : หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD
CPU : Intel Core i5-7200U / i7-7500U
RAM : 4GB DDR4 (อัพเกรดเป็น 8GB ได้)
HDD : 1TB (ใส่ SSD เพิ่มเติมได้)
VGA : GeForce GT 940MX 2GB / 4GB
OS : Windows 10 Home (บางร้านจะไม่แถม Windows นะ หาดูดี ๆ)
Stylus : HP Active Stylus (N-Trig) 2048 ระดับ ราคา : 25,990 บาท – 34,990 บาท
4.Microsoft Surface Pro (2017)
หากเป็น Surface Pro 4 รุ่นก่อน คงไม่ติดรายชื่อในนี้แน่ เพราะตัวปากกาในรุ่นนั้น รองรับแรงกดที่ 1024 ระดับเท่านั้น แต่หลังเปิดตัวรุ่นใหม่ในชื่อ “Surface Pro” ก็ได้อัพเกรดปากกา N-Trig ให้มีแรงกดถึง 4096 ระดับกันเลย สำหรับความสามารถของ Surface Pro ก็เป็นที่รู้กันดีมานาน ในรุ่นนี้ยังได้อัพเกรดทั้งปากกาและแบตฯ ให้อยู่ได้ยาวกว่าเดิมเยอะด้วย ส่วนราคาก็พอ ๆ กับรุ่น Surface Pro 4 มีให้เลือกสเปกตั้งแต่ Core M – Core i7 เหมือนเคย แต่ต่างที่ “ไม่แถมปากกาแล้ว” ฮ่า ฮ่า ตอนนี้ยังไม่ขายในบ้านเรา แต่คาดว่ามาปลายปีนี้แน่นอนครับ
สเปก Microsoft Surface Pro (2017)
Display : หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว PixelSense ความละเอียด 2736 x 1824 (QHD)
CPU : Intel Core M / Core i5 / Core i7
RAM : 4GB DDR4 , 8GB DDR4 , 16GB DDR4
SSD : 128GB – 1TB
OS : Windows 10 Pro
Stylus : Surface Pen (N-Trig) 4096 ระดับ ราคา : 27,XXX บาท – 92,XXX บาท
5.Samsung Galaxy Tab S3
จริง ๆ อยากแนะนำ “Samsung Galaxy Book” เป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่สเปกคล้าย ๆ Surface Pro 2017 เลย (ต่างตรงที่แถมทั้งปากกาและคีย์บอร์ดในกล่อง) แต่อนิจจา มันไม่ขายในไทยซะงั้น จึงแนะนำเป็น Samsung Galaxy Tab S3 แท็บเล็ต Android พร้อมปากกาแทน สำหรับ Tab S3 ตัวนี้ ตัวปากกาจะไม่ใช่ทั้ง Wacom และ N-Trig ด้วย แต่เป็น “S Pen” ที่เน้นจดเหมือน N-Trig และไม่ต้องใช้แบตฯ เหมือน Wacom ด้านการขีดเขียนก็ทำได้ดีทีเดียว (ส่วนตัวผมว่าดีกว่า N-Trig ด้วยนะเออ) ทั้งรองรับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับด้วย และมีแถมให้ในกล่องอีกต่างหาก
สเปก Samsung Galaxy Tab S3
Display : หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว PixelSense ความละเอียด 2736 x 1824 (QHD)
CPU : Qualcomm Snapdragon 820
RAM : 4GB
ROM : 32GB (ใส่ SD Crad ได้สูงสุด 256GB)
OS : Android 7.0 Nougat
Stylus : S-Pen 4096 ระดับ ราคา : 24,500 บาท
6.iPad Pro (2017)
ในบรรดาอุปกรณ์ที่แนะนำมาทั้งหมด ตัวนี้น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้หลายคนคิดหนักไม่น้อยทีเดียว มันคือ iPad Pro แท็บเล็ตเกรดพรีเมี่ยมจาก Apple มาพร้อม Stylus เฉพาะตัวอย่าง Apple Pencil ใช้ขีดเขียนหน้าจอได้ราวกับดินสอจริง ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งเปิดตัว iPad Pro รุ่นจอ 10.5 นิ้ว จากเดิม 9.7 นิ้ว ทำให้มีพื้นที่การวาดกว้างขวางกำลังดี ในขนาดตัวเครื่องแทบไม่ต่างจากเดิมด้วย ทั้งนี้ยังได้พัฒนาหน้าจอให้มีค่า Refresh Rate สูงถึง 120Hz ช่วยตอบสนองการวาดเขียนได้ดีกว่าเดิมมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอุปกรณ์อื่น ๆ (ยกเว้น Tab S3) แล้ว iPad Pro ก็ยังมีจุดอ่อนในเรื่อง OS อยู่ดี คือแม้จะเป็น iOS ที่ประสิทธิภาพสูง และเวอร์ชั่น 11 ตัวที่กำลังมาจะทำงานได้เทียบเคียง MacOS หรือ Windows ก็ตาม แต่ iOS ก็ยังเป็น iOS ด้านโปรแกรมหรือ App ยังเทียบกับสอง OS ที่ว่ามาไม่ได้อยู่ดี ทว่ามีบางคนแก้ปัญหาด้วย “Astropad” โปรแกรมช่วยสตรีมการทำงานจากเครื่อง Mac, Mac Mini และ MacBook มาอยู่ในหน้าจอ iPad Pro เลย (อารมณ์เหมือน Cintiq) ถ้าใครมีอุปกรณ์รัน MacOS อยู่แล้วก็ดีไป แต่ถ้ายัง ก็ต้องซื้อควบคู่ไป แน่นอนว่างบบานปลายชวนเป็นลมแน่
สเปก iPad Pro (2017)
Display : หน้าจอขนาด 10.5 – 12.9 นิ้ว Retina ความละเอียด 2224 x 1668 – 2732 x 2048
CPU : A10X Fusion
RAM : 4GB
ROM : 64GB – 512GB
OS : iOS 10 (เตรียมอัพเป็น iOS 11 ปลายปีนี้)
Stylus : Apple Pencil ราคา : 24,500 – 46,100 บาท
7.Wacom MobileStudio Pro
สุดท้ายกับอุปกรณ์ในฝันของเหล่ากราฟฟิกทั้งหลาย Wacom MobileStudio Pro ด้วยเทคโนโลยีจาก Wacom แบบจัดเต็ม (ไม่กักเหมือนอุปกรณ์ตัวอื่น) ทำให้มันเป็นแท็บเล็ตสำหรับวาดเขียนโดยเฉพาะ ใช้ฝึกวาดหรือใช้ทำมาหากินได้เต็มที่ แต่ก็มาพร้อม ราคากระชากตับ เหมือนเคย เตรียมวางขายในไทยปลายปีนี้
สเปก Wacom MobileStudio Pro
Display : หน้าจอขนาด 13.3 – 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1440 (WQHD) – 3840 x 2160 (UHD)
CPU : Intel Core i5 – i7
RAM : 4GB – 16GB
ROM : 64GB – 512GB
VGA : NVIDIA Quadro M600M 2GB GDDR5 / M1000M 4GB GDDR5 (เฉพาะรุ่นจอ 15.6 นิ้ว)
OS : Windows 10 Pro
Stylus : Wacom Pro Pen 2 8,192 ระดับ ราคา : 54,900 บาท – 109,650 บาท