เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วได้เกิดกระแส “ภาพตัดต่อ” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” แพร่กระจายไปทั่วสังคมออนไลน์บ้านเรา และดูเหมือนกระแส “ชัชชาติฟีเวอร์” จะยังไม่จบง่ายๆเพียงเท่านี้ เพราะล่าสุดก็มีคนเอาท่าน “ชัชชาติ” ไปทำเป็นเกมเสียด้วยซ้ำ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมท่านรัฐมนตรีถึงกลายเป็นกระแส viral ทางอินเตอร์เน็ทขึ้นมาได้ เรามาตามย้อนดูและวิเคราะห์ “ชัชชาติฟีเวอร์” ไปด้วยกันดีกว่าค่ะ
[หนึ่งในภาพตัดต่อของคุณชัชชาติที่ชาวเน็ทตัดต่อขึ้นมาและถูกส่งต่ออย่างกว้างขวางบนโลก social]
คำเตือน : บทความนี้มีจุดประสงค์เพียงแค่การแสดงมุมมองส่วนบุคคลเกี่ยวกับการนำ Social Network มาใช้ให้เกิดประโยชน์ของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เท่านั้น
ขอย้อนความกันก่อนสักเล็กน้อยเผื่อว่าในวินาทีนี้ใครยังไม่รู้จัก “ชัชชาติ สิทธิพันธ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ถูกรับเชิญขึ้นมานั่งเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีโดยที่แทบจะไม่มีพื้นฐานเล่นการเมืองมาก่อนเลย (อดีตเป็นผู้ช่วยอธิการบดีและอาจารย์ในจุฬาฯ) ทำให้ในระยะแรกๆนั้นแทบจะไม่มีใครรู้จักนาย ชัชชาติ สิทธิพันธ์ เลย …แล้วกระแสชัชชาติฟีเวอร์เริ่มขึ้นได้ยังไงกันนะ?
[คุณชัชชาติ ขณะทดลองนั่งรถเมล์]
จุดเริ่มต้นทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ รมว. ชัชชาติเริ่มเป็นที่รู้จักก็เพราะคุณชัชชาติได้ลองขึ้นรถโดยสารต่างๆด้วยตัวเองเพื่อศึกษาปัญหาการคมนาคมของบ้านเรา พอเริ่มมีคนจำได้ว่าเป็นคุณชัชชาติก็ได้มีนักข่าวและคนทั่วไปถ่ายรูปไว้และนำไปเผยแพร่ขึ้นบนสื่อสิงพิมพ์และอินเตอร์เน็ท ด้วยเวลาไม่นานชื่อของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก
คาดว่าคุณชัชชาติคงเริ่มเล็งเห็นว่ากระแสตอบรับของตัวเองบนโลกอินเตอร์เน็ทค่อนข้างดี จึงไม่รอช้าที่จะตั้งแฟนเพจของตัวเองในนาม “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ขึ้น ซึ่งภายในเวลาเพียง 7-8 เดือนหลังจากเปิดแฟนเพจขึ้นมาก็มีคนกด like แฟนเพจคุณชัชชาติกว่า 4 แสน 7 หมื่นคน
หากใครได้ตามแฟนเพจของคุณชัชชาติมาโดยตลอด คงจะพบว่าคุณชัชชาติเป็นนักการเมืองที่ฉลาดในการนำ Social Network มาใช้สร้างแบรนด์ตัวเองไม่น้อย ในขณะที่แฟนเพจของนักการเมืองบางคนอาจจะเต็มไปด้วยการโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม หรือ status กล่าวทักทายพูดคุยสารทุกข์สุขดิบทั่วไป แฟนเพจของคุณชัชชาติกลับเน้นไปที่การบอกเล่าว่าท่านกำลังทำงานที่ไหน ไปตรวจอะไร ใช้การโพสท์รูปภาพประกอบไปด้วยทุกครั้งทำให้สามารถดึงดูดความสนใจผู้คนได้ดีกว่า status ที่มีแต่ตัวหนังสือ มีการอัพเดทสม่ำเสมอเกือบทุกวัน ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
[คุณชัชชาติโพสท์รูปของตัวเองที่ถูกคนเอาไปตัดต่อลงแฟนเพจ เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย]
นอกเหนือจากกลยุทธ์ดังกล่าวในแฟนเพจของคุณชัชชาติ มีอีกอย่างหนึ่งที่แฟนเพจคุณชัชชาตินั้นดูแตกต่างจากแฟนเพจทั่วๆไป คือไม่ได้เน้นแค่เรื่องการทำงานในฐานะรัฐมนตรีอย่างเดียว แต่ยังมีแง่มุมต่างๆที่คุณชัชชาติหยิบยกมาเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่พบเจอในชีวิตประจำวัน บางครั้งก็มีการแทรกมุกตลกๆ เช่น เอารูปตัวเองที่ถูกตัดต่อมาโพส และภาษาที่ใช้ในการโพสท์ที่เหมือนกับการเล่าเรื่องให้ฟังด้วยตัวเองจริงๆ (ไม่เหมือนการจ้างแอดมินมาโพสท์ให้) นั้นก็ทำให้แฟนๆรู้สึกได้ถึงความ “ติดดินและเข้าถึงได้”
[เกมพัซเซิล “ชัชชาติครัช”]
ทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ทำให้ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยชื่นชอบในตัวคุณชัชชาติ และเกิดแฟนเพจ “ชัชชาติ สิทธิพันธ์ Fanclub” หรือการนำรูปของคุณชัชชาติตอนเดินเท้าเปล่าใส่บาตรที่จ.สุรินทร์ไปตัดต่อล้อเลียนมากมาย จนลุกลามไปถึงการนำไปสร้างเป็นเกมพัซเซิลอย่าง “ชัชชาติครัช”
อาจมีบางคนมองว่าการนำภาพไปตัดต่อล้อเลียนเป็นเรื่องไม่สมควร แต่ส่วนตัวสมิตมองว่าเป็นเรื่องขำๆสนุกๆมากกว่า และมันเป็นสิ่งที่แสดงถึงกระแสความนิยมชมชอบในตัวคุณชัชชาติด้วย จากคนที่ไม่เคยรู้จักรัฐมนตรีคนนี้มาก่อนก็ทำให้ได้รู้จักกันในคราวนี้ เพราะภาพตัดต่อมากมายที่ถูกส่งต่อกันไปบนโลกอินเตอร์เน็ท ถือเป็นเรื่องที่ดีในแง่การตลาดมากกว่าจะเป็นความเสียหายเสียด้วยซ้ำ
หากมองว่า “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เป็นเสมือนแบรนด์ๆหนึ่ง นี่นับเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจในการใช้แฟนเพจให้เกิดประโยชน์ในการสร้างแบรนด์ แฟนเพจที่ดีไม่ใช่เพียงแค่เน้นการขายของ แต่ควรจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแฟนเพจในระยะยาว และให้ความรู้สึกถึงตัวตนของแบรนด์นั้นๆ ทำให้เกิดความผูกพัน ไม่ใช่เป็นเพียงตัวหนังสือที่ใครก็ไม่รู้เป็นคนโพสท์ขึ้นมา