ในขณะที่ Facecbook กำลังทดสอบปุ่ม Reaction บน Messenger ช่วงเวลาเดียวกัน Facebook ก็เริ่มทดสอบการใช้เครื่องมือใหม่สำหรับรายงานโพสต์ที่เป็น “ข่าวปลอม” หนึ่งในหนทางที่จะช่วยกำจัดข่าวลวง ข่าวปลอมให้หมดไปบน Facebook
จากตัวเลขผู้ใช้ Facebook ที่มีเกือบ 2 พันล้านราย กลายเป็นเรื่องง่ายที่ไม่ว่าใครก็ตามที่มี Facebook สามารถสร้างข่าวลวงขึ้นมาได้ ซึ่งพลังของข่าวลวง ข่าวปลอมในปัจจุบันค่อนข้างมีผลกระทบต่อคนที่หลงเชื่อทั้งในด้านความรู้สึก ความคิด และบางครั้งมีผลต่อด้านเศรษฐกิจและการเมืองด้วย อย่างในกรณีที่เป็นประเด็นอันร้อนแรงเมื่อปลายปี 2016 กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่มีรายงานว่าเกิดการปล่อยข่าวลวงขึ้นใน Facebook จนมีผลต่อคะแนนเสียงและทำให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายหน่วยงานออกมาเรียกร้อง Facebook ให้หามาตรการเพื่อกำจัดข่าวปลอมที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ Gizmodo ได้รายงานการทดสอบเครื่องมือกำจัดข่าวปลอมบน News Feed ของ Facebook โดยเครื่องมือดังกล่าวถูกเรียกว่า “disputed” เป็นปุ่มที่เพิ่มเข้ามาตามโพสต์ต่างๆ บน News Feed ซึ่งหากผู้ใช้พบโพสต์ต้องสงสัยที่อาจเป็นข่าวปลอมสามารถกดปุ่ม disputed ที่โพสต์นั้น หลังจากนั้นระบบของ Facebook จะส่งข้อมูลไปยัง Snopes.com และ Politifact สององค์กรเข้ามาร่วมมือเพื่อให้บริการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล พร้อมมีป้ายกำกับไว้ใต้โพสต์นั้นด้วยว่ากำลังมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสององค์กรดังกล่าว
โดยข่าวที่ถูกทดสอบเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ theseattletribune.com ที่มีการโพสต์เนื้อหาระบุว่า “อุปกรณ์ Android ที่ไม่มีความปลอดภัยของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กลายเป็นต้นเหตุของการรั่วไหลของข้อมูลในทำเนียบขาว” ซึ่งหลังจากที่มีการใช้ปุ่ม disputed ทางเว็บไซต์ Recode ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยว่าข้อมูลที่เกิดขึ้นเป็นข่าวปลอม พร้อมกับระบุด้วยว่านับตั้งแต่ใช้ disputed เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา Snopes ได้มีการส่งข้อมูลเพื่อยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมในวันที่ 2 มีนาคม ขณะที่ Politifact ส่งยืนยันข่าวปลอมมาในวันที่ 3 มีนาคม
ด้วยการทดสอบที่เกิดขึ้นแม้จะช่วยยืนยันข้อเท็จจริงของข้อมูลได้ แต่การส่งรายงานยืนยันยังใช้ระยะเวลานานพอสมควร เมื่อเทียบระยะเวลาการแพร่กระจายข้อมูลบนโลกโซเชียลที่นับว่าเร็วกว่ามาก อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญของ Facebook ในความพยายามคิดค้นและอาศัยความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อกำจัดข่าวลวง ข่าวปลอมให้หมดไป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควรเพื่อพัฒนาเครื่องมือรายงานข่าวปลอมให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นต่อไป