ผู้เข้าร่วมงานยังได้พบกับแบรนด์แอมบาสเดอร์ของหัวเว่ย ได้แก่ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ นักแสดงชายดาวรุ่งของเมืองไทย และ วุต หม่อน ชเว ยี่ ดาราสาวชื่อดังของเมียนมาร์ ร่วมด้วย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ซึ่งมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีสุดล้ำระดับโลกจากสมาร์ทโฟนหัวเว่ยรุ่นล่าสุด เพื่อตอบรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์และเสริมคล่องตัวธุรกิจสไตส์ใหม่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
หัวเว่ย เติบโตอย่างรวดเร็วและครองตำแหน่งแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มร.โทมัส หลิว ประธานบริษัท หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ในปี 2015 ที่ผ่านมา หัวเว่ยทุบสถิติด้วยอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่สูงถึง 70% และพร้อมรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มตัว โดยเฉพาะในปี 2015 เรามีรายรับถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์และจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้มากกว่า 108 ล้านเครื่องทั่วโลก ทำให้หัวเว่ยก้าวสู่สถานะแบรนด์ชั้นนำอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลกอย่างภาคภูมิ”
จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้หัวเว่ยสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับคุณภาพที่มีความโดดเด่นและถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของตลาดสมาร์ทโฟนทุกกลุ่มและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคระดับพรีเมี่ยมได้อย่างตรงจุด โดย Huawei Mate 8 ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนชั้นยอดที่มีการทำงานได้อย่างดีเยี่ยมพร้อมแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ตอบสนองการทำงานแบบ “ธุรกิจแนวใหม่ (The New Style of Business)” ของนักธุรกิจมืออาชีพในปัจจุบันได้อย่างดี ส่วน Huawei GR5 ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล G series ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือ กล้องความคมชัดสูง และจอแสดงผลที่ดีเยี่ยมซึ่งออกแบบมาเพื่อผู้ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ
Huawei Mate 8 สุดยอดแห่งการออกแบบเพื่อการทำงานและประสิทธิภาพระดับพรีเมี่ยม
เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์อันทรงพลัง Huawei Mate 8 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ชิปรุ่น Kirin 950 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลเพื่อเสริมศักยภาพการทำงานของสมาร์ทโฟนได้เร็วที่สุดในโลก โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลให้ทำงานได้เต็ม 100% และหน่วยประมวลผลกราฟฟิกได้ถึง 125% รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้มากถึง 70% เมื่อเปรียบเทียบกับชิปรุ่น Kirin 925 ซึ่ง Huawei Mate 8 ใช้แกนประมวลผลแบบ 8 แกน (Octacore) แบ่งเป็น A72 2.3 GHz processors 4 แกน และ A53 1.8 GHz processors อีก 4 แกน โดยแยกการทำงานของหน่วยประมวลผลแต่ละชุดอย่างสมดุลและสอดคล้องกับการใช้งาน
ด้วยแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงความจุถึง 4,000 มิลลิแอมป์ ทำให้ Huawei Mate 8 สามารถใช้งานได้นานถึง 2 วันเมื่อใช้งานตามปกติ พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีการชาร์จไฟความเร็วสูง ทำให้ชาร์จไฟเพียง 30 นาที ก็ใช้งานสมาร์ทโฟนได้นานถึง 1 วัน และโดยปกติผู้ใช้งาน Huawei Mate 8 สามารถใช้งานได้นานถึง 2.36 วัน และได้นาน 1.65 วัน เมื่อใช้งานอย่างหนักหน่วง ส่วนในเรื่องของความร้อนตัวเครื่อง Huawei Mate 8 มีกลไกจัดการกับความร้อนถึง 6 ระดับ ทำให้สามารถกระจายความร้อนระหว่างการใช้งานได้ดีกว่า ผู้ใช้งานจึงมีประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนที่เปี่ยมประสิทธิภาพและสะดวกสบาย โดยใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยกว่าที่เคย
ดีไซน์หรูหราสวยสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด
Huawei Mate 8 มอบดีไซน์ที่สวยงามหรูหราในทุกมุมมอง พร้อมจอแสดงผลขนาด 6 นิ้ว ด้วยอัตราส่วนขนาดจอแสดงผลต่อขนาดตัวเครื่องที่ 83% ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนทีดูทันสมัยและพกพาง่ายโดยยังคงมีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่แบบเต็มประสิทธิภาพ ตัวเครื่องประกอบด้วยวัสดุกระจกตัดขอบแบบ Diamond Cut 2.5D และอลูมิเนียมเกรดเดียวกับยานอวกาศ เพื่อผสานความงดงามแบบไร้ที่ติเข้ากับสัมผัสการใช้งานที่คล่องตัว
ยกระดับประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมี่ยมได้ตามต้องการ
Huawei Mate 8 นำเสนอเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือรุ่นใหม่และระบบปกป้องข้อมูลสำคัญที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยเซ็นเซอร์รุ่นใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการระบุลักษณะบนพื้นที่สแกนมากกว่าเดิม 10% นอกจากนี้ การแมตช์แรงเสียดทานจากลายนิ้วมือยังทำงานบนระบบรักษาความปลอดภัยถึง 3 ชั้น ผู้ใช้จึงมั่นใจในการรักษาข้อมูลได้มากกว่า อีกทั้งเซ็นเซอร์ยังสามารถปลดล็อคสำหรับผู้ใช้งานได้เร็วขึ้นถึง 100%
ด้วยการทำงานบนอินเตอร์เฟซของหัวเว่ยรุ่น EMUI 4.0 บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Marshmallow 6.0 ทำให้ผู้ใช้งาน Huawei Mate 8 สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานและสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงระบบจัดเรียงข้อมูลอัตโนมัติที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ช่วยให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
Huawei Mate 8 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในช่องความถี่ที่มากกว่าสมาร์ทโฟนแบบสองซิมรุ่นอื่นๆ โดยรองรับคลื่นความถี่แบบ 2G 4 ช่วง คลื่นความถี่แบบ 3G 9 ช่วง และ คลื่นความถี่แบบ 4G 18 ช่วง ใน 217 ประเทศทั่วโลก โดยตั้งค่าผู้ให้บริการเครือข่ายได้ถึง 1,334 แบบ ทำให้ Huawei Mate 8 เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปทั่วโลกอย่างแท้จริง
Huawei GR5 สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพสำหรับคนรุ่นใหม่
Huawei GR5 นำเสนอเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือรุ่นที่ 2 เพื่อการปลดล็อคที่รวดเร็วและควบคุมการทำงานขั้นสูงได้อย่างฉับไว ชาญฉลาด และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสแกนได้ทั้งในขณะที่มือแห้งและเปียก ด้วยระบบการระบุลักษณะแบบ 360 องศา ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงทุกฟังก์ชั่นของสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกรวดเร็วและง่ายดายในทุกสถานการณ์
หัวเว่ยปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์สู่การเป็นแบรนด์ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยม และแบ่งกลุ่มเป้าหมายของสมาร์ทโฟนแฟล็กชิพที่แตกต่างกัน โดย Huawei Mate 8 คือสมาร์ทโฟนเพื่อเสริมความคล่องตัวสำหรับการทำงานตามแนวคิด “ธุรกิจแนวใหม่ (The New Style of Business)” ส่วน Huawei GR5 เป็นโมเดลแฟล็กชิพรุ่นใหม่สำหรับวัยรุ่นผู้หลงใหลในเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน
ในการดำเนินงานตามกลยุทธ์การเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น (ซึ่งผู้บริโภคมีการรับรู้ถึงแบรนด์หัวเว่ยมากขึ้น 28% ในปี 2015) หัวเว่ยจึงยินดีต้อนรับ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกหัวเว่ยประเทศไทย ในฐานะ โปรดักท์แอมบาสเดอร์ Huawei Mate 8 โดยจะทำงานร่วมกับ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ ต่อไป
หัวเว่ยมอบหมายดาราหนุ่ม อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นำเสนอสมาร์ทโฟน Huawei Mate 8 ผ่านการใช้งานตามแนวคิด “ธุรกิจแนวใหม่ (The New Style of Business)” ในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพรอบด้านของสมาร์ทโฟน พร้อมเปิดตัว Huawei Mate 8 เป็นสมาร์ทโฟนแฟล็กชิปพรีเมี่ยมรุ่นแรกของปี 2016 สำหรับตลาดเมืองไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในครั้งนี้