Hot Note X551 เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่ทาง Infinix แบรนด์สัญชาติฮ่องกง ได้ส่งเข้ามาลุยในบ้านเราเป็นครั้งแรก มาพร้อมจุดเด่นอย่าง ราคาย่อมเยา จอขนาด 5.5 นิ้ว แบตเตอรี่ 4,000 mAh และสามารถชาร์จแบตฯได้ 75% ในเวลาเพียง 55 นาที เท่านั้น !!
**โปรดพิจารณา 3G ของท่านในการรับชม**
ก่อนอื่น คงต้องขออธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับแบรนด์นี้สักหน่อย เชื่อว่าทุกคนคงเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกแน่ๆ Infinix เป็นบริษัททางเทคโนโลยีจากฮ่องกง ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งหลังๆเริ่มมีความสนใจในกระแสสมาร์ทโฟนที่กำลังบูม จึงได้ส่งสมาร์ทโฟนมาลุยตลาด โดยแบ่งออกเป็น 2 ซีรีย์คือ Zero และ Hot และรุ่นในที่นี้ก็คือ “Hot Note X551” สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมในราคาที่จับต้องได้
Hot Note X551 เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่ทาง Infinix ได้ส่งเข้ามาลุยในบ้านเรา หลังจากที่ไปลุยในตลาดแถบยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกามาแล้ว จุดเด่นหลักๆของเลยมันคือ ราคาย่อมเยา จอขนาด 5.5 นิ้ว ความจุแบตเตอรี่ 4,000 mAh ใช้ได้ยาวๆ 2 วันเต็ม และฟีเจอร์การชาร์ตแบตฯอย่างรวดเร็ว สามารถย่นระยะเวลาการชาร์ตได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึงสามเท่า โดยชาร์ตได้ถึง 75% ในเวลาเพียง 55 นาที หรือจะเป็นการชาร์ตเพียง 20 นาที แต่อยู่ได้ถึง 7 ชั่วโมง จริงหรือไหมมาดูกันครับ
รายละเอียดสเปก Infinix Hot Note X551
หน้าจอ : 5.5 นิ้ว IPS ความละเอียด 720 x 1280
หน่วยประมวลผล : Mediatek MT6592 Octa-core 1.4 GHz
ชิปกราฟฟิก : Mali-450 MP
แรม : 2GB
รอม : 16GB รองรับ SD Card 32GB
กล้องหลัก : 8 ล้านพิกเซล (ใช้เซ็นเซอร์ OV8865)
กล้องหน้า : 2 ล้านพิกเซล
แบตเตอรี่ : 4,000 mAh (ลิเทียม-โพลิเมอร์ )
เครือข่าย : 2G (850 / 900 / 1800 / 1900 MHz) 3G (900 / 2100 MHz)
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 4.0/Wi-Fi (รองรับสองซิม)
ขนาดตัวเครื่อง : 156 x 77 x 8.9 มิลลิเมตร
หนัก : 172 กรัม
ระบบปฏิบัติการ : Android Lollipop 5.0
แกะกล่อง
ตัวกล่องมีลักษณะเหมือนกล่องสมาร์ทโฟนทั่วๆไป ขนาดกล่องก็ตามไซต์ของสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 นิ้วตัวนี้
ในกล่องประกอบไปด้วย
- Infinix Hot Note X551
- คู่มือการใช้งาน
- แท่นชาร์จ
- สาย USB
- หูฟัง
Design
ตัวที่ผมได้มาทดสอบในครั้งนี้ เป็นเครื่องสีทองสลับขาวครับ ตัวเครื่องมีความบาง 8.9 mm ถือไม่บางมากนัก น้ำหนัก 172 กรัม ก็พอควร และด้วยขนาดจอ 5.5 นิ้ว กับขนาดของเครื่อง อาจบอกได้ว่า ไม่เหมาะที่จะใช้มือเดียวนัก
เมื่อพลิกดูด้านหลัง ก็จะเห็นฝาหลังสีทองสกินมีรอยขีดๆเหมือนโลหะ แต่จริงๆเป็นพลาสติกผิวเรียบ (เวลาถือต้องระวังลื่นพอควร) ส่วนที่เหลือก็เป็นพลาสติกเช่นเดียวกัน
ฝาเครื่องสามารถถอดได้ (แอบแกะยากหน่อย) มีถาดใส่ซิมให้สองตัว และ MicroSD อีกหนึ่ง แต่ถอดแบตเตอรี่ไม่ได้ มีป้ายขึ้นเตือนชัดเจน…
ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 mm ด้านล่างจะเป็นช่อง Micro USB ส่วนด้านซ้ายจะมีปุ่มระดับเสียง กับ ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ในขณะที่ด้านขวาจะโล่งๆไม่มีอะไร
ต่อกันที่หน้าจอ ตามที่กล่าวไป รุ่นนี้จะมีขนาดถึง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1280 เป็นหน้าจอ IPS ที่สามารถมองได้ทุกมุม ความสว่างกำลังดี ใช้ในที่แดดแรงยังพอเห็น ความคมชัดอาจมีแตกๆอยู่บ้าง (จะเห็นชัดเวลาเล่นเกม)
UI Interface และ ฟังค์ชันภายใน
ระบบปฏิบัติการของรุ่นนี้จะเป็น Android 5.1 Lollipop ครอบด้วย X UI 1.N.0.1 ซึ่งต้องยอบรับเลยว่า มีหน้าตาที่สวยงามมากทีเดียว (สำหรับผม) การทำงานลื่นไหลพอตัว ลักษณะโดยรวมก็จะเหมือนสมาร์ทโฟน Android ทั่วๆไป อย่าง มีปุ่ม Menu ตรงกลางล่าง มีแถบแจ้งเตือน Notification เมื่อลากจากด้านบน และการเรียงแอพฯ เป็นตาราง 4 x 6 อันคุ้นเคย เรียกได้ว่า ใครที่เคยใช้ Android เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะไม่สบสนกับตัว X UI นี้แน่
แต่ในตัว Hot Note กลับไม่มี Browser Chrome มาให้ซะงั้น จะมี 2 Browser มาให้ก่อนหน้าคือ Opera Mini ที่ได้ลองใช้ไปแล้ว ก็ถือว่าใช้งานดี (แต่สุดท้ายผมก็ไปซบไหล่ Chrome…)
อีกตัวคาดว่าจะเป็น Browser ของทาง X UI ตัวนี้ต้องบอกเลยว่า มีหน้าตาที่สวยพอสมควร ใช้ง่ายพอๆกับ Chrome เลยทีเดียว
เป็นฟีเจอร์หรือแอพฯ สำหรับส่งสัญญาณจาก Hot Note ไปยังคอมพิวเตอร์
แอพฯ Could ของทาง Infinix
แอพฯ WPS Office สามารถเปิดไฟล์ของ MS Office ได้ และแก้ไขได้ด้วย
แอพฯ เปลี่ยนฟอนท์ เราสามารถไปไล่หาโหลดรูปแบบฟอนท์ใหม่ๆเกือบ 10 รูปแบบมาใส่เพิ่มเติมได้
และแอพฯ โหลดธีม วอล์เปเปอร์ และ ธีมคีย์บอร์ด มาแต่งเพิ่มเติมได้หลากหลายรูปแบบจากในนี้โดยตรง
(เน้นแต่งจริงๆ)
BBM แอพฯ แชทในตำนาน !!? มีอยู่ในนี้ด้วย (ยังมีคนเล่นอยู่ไหม…..)
แอพเล่นเพลงที่มีในเครื่อง (แนะนำให้ไปโหลดแอพฯเพลงใหม่ครับ)
Performance & Game
จับเทสก่อนตัวแรกด้วย AnTuTu v5.7.1 ทดสอบการประมวลผลกราฟฟิก คะแนนที่ได้คือ 29,261 จัดว่าดีทีเดียวในราคาระดับนี้ ส่วน Muti-Touch รองรับได้เต็มที่ 5 จุด
ทดสอบการเล่นเกม Modern Combat 5 ในนี้จะแสดงให้เห็นเลยว่า หน้าจอ 5.5 นิ้วของรุ่นนี้ ยังมีความละเอียดไม่เพียงพอต่อหน้าจอขนาดนี้ ยังเห็นเป็นภาพแตกอยู่ชัดเจน ส่วนความลื่นไหลนั้น ก็จัดว่า ไม่มากไม่น้อย เล่นเอามันได้อยู่
ส่วนเกมที่สองคือ Asphalt 8 เห็นว่าเกมนี้สามารถปรับความละเอียดของกราฟฟิกได้ 4 ระดับ ผลคือเล่นได้ทุกระดับ แต่มีกระตุกหน่อยๆ แต่เมื่อลองปรับระดับต่ำสุด (ตามภาพบน) ก็เล่นได้ลื่นเลยครับ
Battery
มาถึงจุดเด่นของรุ่นนี้กันแล้ว ในส่วนของพลังงานหรือแบตเตอรี่ ที่ทาง Infinix ภาคภูมิใจในรุ่นนี้เป็นพิเศษ ด้วยการอัดความจุมาให้ถึง 4,000 mAh จากที่ลองใช้งานดูแล้ว ก็ถือว่าอึดใช้ได้ ทั้งนี้ตัว Hot Note จะมีฟีเจอร์การประหยัดพลังงานมาให้ 3 ระดับ โดยระดับแรกจะเปิดเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนระดับสองคือ “โหมดประหยัดแบตเตอรี่” ก็จะมีลดแสง ลดการทำงานของแอพฯ บางตัวลง เหมาะสำหรับตอนแบตฯเหลือต่ำกว่าครึ่ง ส่วนโหมดสุดท้าย..
“โหมดพลังงานต่ำพิเศษ” ตามภาพเลยครับ หลังเราเปลี่ยนเป็นโหมดนี้ ตัวเครื่องจะจำกัดการทำงานของเครื่องให้เหลือแค่โทรเข้าโทรออก กับฟีเจอร์พื้นฐานบางตัวเท่านั้น แต่ใช้ได้ดีมากยามแบตฯเหลือต่ำกว่าแค่ 20% (ในโหมดนี้แคบหน้าจอไม่ได้..)
ทดสอบความไวของการชาร์จแบตฯ หรือที่เรียกว่า X-charger ที่ทาง Infinix เขาเครมว่า ชาร์จได้ 75% ภายใน 55 นาที ผลเลยจับทดสอบด้วยการจับเวลา โดยทดลองชาร์จ (ด้วย Adapter ในชุด) ตอนแบตฯเหลือ 17% ปรากฏว่าแบตเพิ่มขึ้นเป็น 64% ภายใน 35 นาที ถือว่าเร็วทีเดียว เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไป (เทสตอนเปิด Wi-Fi และจับเวลาไปด้วย)
Camera Test
ว่าด้วยเรื่องของกล้อง ตัว Hot Note เขาระบุมาว่า กล้องหลังใช้เซ็นเซอร์ OV8865 ขนาด 8 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้คมชัดเพิ่มขึ้นถึง 50% และภาพ Dynamic View 5% ดังนั้นผมจะโฟกัสไปที่กล้องหลังเป็นหลักนะครับ (ภาพหลังจากนี้เป็นไฟล์จริงทั้งหมด ฉะนั้นโปรดเช็ค 3G ของท่านให้ดีๆขรับ)
สำหรับตัวซอฟแวร์ของกล้องนั้น ต้องขอติก่อนเลยว่า มีลูกเล่นน้อยมากๆ โหมดหลักมีแค่ 4 โหมด (ภาพเล็กขวา) ส่วนหน้าตั้งค่าก็มีไม่มาก ขาด ISO, EV, เลือกประเภทภาพที่กำลังถ่าย เป็นต้น จะมีที่น่าสนใจคือ ถ่ายภาพตอนชูสองนิ้ว (เจสเจอร์ช็อต) ซึ่งเดี๋ยวจะมีทดสอบให้ดูหลังจากนี้ครับ
เรื่มด้วยภาพแรก ถ่ายตอนช่วงฝนกำลังจะตก ครื้มได้ที่ ลองถ่ายได้โดยไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น ผลที่ได้คือตามนี้
หลังเปิดโหมด HDR ที่ช่วยให้ภาพที่ความสว่างมากขึ้น ภาพที่ได้กลับออกมาสว่าง คมชัดใช้ได้ทีเดียวครับ
ภาพต่อไป ถ่ายตอนกลางคืน รูปนี้ผมถ่ายแบบไม่ปรับอะไรทั้งสิ้น ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ภาพนี้จริงๆคือมืดนะครับตอนช่วง 1 ทุ่มกว่าๆ แต่พอเอากล้องของเจ้านี้ขึ้นมาถ่าย เท่านั้นละครับ มันเล่นปรับภาพเอาซะสว่างเลยครับ ผลก็อย่างที่เห็น
ลองเทส HDR ตอนกลางคืนดู ภาพด้านซ้ายตอนยังไม่เปิด ส่วนด้านขวาหลังเปิด จะเห็นความแตกต่างชัดเจนครับ
เทสการจับโฟกัส กับ การถ่ายภาพระยะใกล้ดูครับ ต้องบอกว่า ความเร็วในการจับโฟกัสยังไม่มากนัก แต่ก็สามารถเก็บรายละเอียดโฟกัสได้ดี โดยภาพนี้ถ่ายตอนมีไฟส่องสว่างครบทุกดวง (ปล.โมจีน 100%)
ลองถ่ายภาพในที่มืด (มีแสงเข้ามาเล็กน้อย) แบบไม่ปรับอะไรดูครับ
จากนั้นก็ลองทดสอบการยิงแฟลช LED ในที่มืด
การลืมบอก การโฟกัสของรุ่นนี้ เราสามารถจิ้มค้างให้มันล๊อคกับวัตถุนั้นๆ เวลาขยับกล้องไปมาได้ด้วยครับ
ทดสอบเจสเจอร์ช็อต ตั้งให้ถ่ายภาพอัติโนมัติเวลามีคนชูสองนิ้ว ในครั้งนี้ผมได้รับเกียรติจากสุภาพบุรุษท่านหนึ่งมาเป็นนายแบบให้… หลังกล้องตรวจพบการชูสองนิ้ว มันก็จะนับถอยหลังแล้วถ่ายทันที โดยใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน
Concussion
ข้อดี
– สเปกถือว่ากำลังดีในราคาระดับนี้
– กล้องถ่ายภาพในที่มืดได้ดี
– หน้าจอ 5.5 นิ้ว
– การใช้และการชาร์จแบตฯทำได้ดี
– ตัว X UI ลื่นไหลใช้ได้
ข้อเสีย
– ซอฟต์แวร์กล้องมีลูกเล่นน้อยมากๆ
– ตัวเครื่องถือว่าหนัก และใช้มือเดียวไม่ถนัด
– ไม่มีปุ่มชัตเตอร์ (ลองใช้ปุ่มปรับระดับเสียงแทนแล้ว แต่ไม่เวิร์ค)
หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับมันเป็นเวลา 1 อาทิตย์ ผลก็ขอสรุปว่า เจ้า Infinix Hot Note X551 ตัวนี้ สามารถตอบโจทย์คนที่ต้องการสมาร์ทโฟนคุณภาพในราคาไม่แพงมาก หรือไม่แพงเลยได้ดีแน่นอน ด้านวัสดุและดีไซต์ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง ส่วนด้าน Performance ก็ถือว่าคุ้มตามราคา ส่วนกล้องอาจเป็นปัญหาที่ตัวซอฟต์แวร์ ซึ่งต้องบอกเลยว่ายังไม่ผ่าน แต่ตัวกล้องกลับสามารถถ่ายภาพออกมาได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะโหมด HDR แจ่มมาก (ผมแอบชอบฟีเจอร์ชูสองนิ้วนิดๆ) และเรื่องพลังงาน อันนี้ถือว่าผ่านครับ ท้ายนี้ผมขอนิยามว่า “น้องใหม่คุ้มราคา”
สำหรับราคาค่าตัว สนนราคาอยู่ที่ 4,190 บาท วางขายเฉพาะใน Lazada เท่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ในปีนี้ เป็นต้นไป ใครสนใจไปดูได้ ที่นี้ เลยครับ