ถึงงานคอมมาร์ตทีไรนายเกาเหลาก็อดไม่ได้ที่จะเขียนถึง แถมคราวนี้เขาขยายวันจัดกันตั้ง 5 วัน (3 – 7 พ.ย. 2553) ก็เลยของงัดเอาประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ตามประสาคนขี้งกชอบของดีราคาถูก โดยเป็นศาสตร์แห่งการต่อราคา เป้าหมายที่คำว่า “คุ้มที่สุด”
หาข้อมูลโปรโมชันอย่างละเอียดก่อนจาก www.commart.co.th และ www.commartthailand.com หรือจะรอถึงงานแล้วค่อยไปปรึกษา Buyer Guide ซึ่งมีน้องๆ บ.ก. คอยให้คำแนะนำอยู่ เมื่อถึงงานลงทะเบียนเสร็จ ก็อย่าลืมมองหา Map Guide แล้วก็เปิดดูซิว่าบูธเป้าหมายเราอยู่ตรงไหน (หว่า)
เมื่อถึงบริเวณบูธ อย่าเพิ่งผลีผลามใจร้อนเดินเข้าไปซื้อ โดยการตัดสินใจจากหน้าตาคนขายว่าสวยถูกใจ เพราะเราอาจตกหลุมพลางอย่างมิได้ตั้งใจ ขอแนะนำให้ลองเดินสำรวจก่อนสักรอบ แล้วดูท่าทีการขายหรือเจรจาของแต่ละร้าน ถ้าร้านไหนดูจะคุยง่ายยืดหยุ่นต่อรองได้ก็ค่อยตัดสินใจ “ต่อราคา” ต้องใจเย็นๆ อย่ารีบ เพราะไม่งั้นคุณจะได้ของไม่ถูกจริง นายเกาเหลามีทริคเล็กๆ ที่ช่วยให้การต่อรองราคาให้ได้ใจคนขาย (โดยที่ไม่โดนด่าไล่หลัง อิอิ) และได้รับการลดราคามาฝากกัน กับกฎ 5 ข้อ อย่าง หนึ่ง-ยิ้ม, สอง-ต่อ, สาม-แถม, สี่-ตรวจ, ห้า-เซ็ต
1. ยิ้ม : นึกเอาแล้วกันว่าเรายังชอบที่จะคุยกับคนขายที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วทำไมคนขายจะไม่อยากคุยกับคนซื้อที่ดูเป็นมิตร อย่างเมื่อปีก่อนนายเกาเหลาไปซื้อคอมพิวเตอร์ให้หลาน จำได้ว่าเข้าไปพร้อมกับสุภาพสตรีอีกท่านหนึ่งซึ่งดูจู้จี้จุกจิกแถมพูดซ้ำๆ ย้ำๆ ว่าร้านอื่นถูกกว่าตั้งเยอะ (คนขายคงคิดในใจว่า เอาเท้าลูบหน้าตูซะเลยดีกว่า) ในขณะที่นายเกาเหลาคุยกับคนขายอย่างเป็นมิตร เขาขอเวลาสักครู่เนื่องจากมีคนซื้อของเยอะ เราก็ยิ้มรอ ปรากฏว่าพอถึงช่วงตกลงราคาคนขายก็ลดราคาพิเศษ บวกของแถมอีกถุงใหญ่ (ส่วนผู้หญิงขี้บ่นก็โดนโขกราคาไปเต็มๆ)
2. ต่อ: ปกติของจะลดได้ กฎ 10% อันนี้เป็นสูตรที่คิดเอง ใช้ได้กับสินค้าราคาหลักหมื่นขึ้น อาทิ โน้ตบุ๊ก จอแอลซีดี โดยอาศัยหลักการขายของว่าจะมีช่วงกำไรประมาณ 10-20% นั่นก็หมายความว่าเราสามารถต่อรองราคาจากราคาขายลงได้อีกเล็กน้อย ตัวอย่างตอนที่นายเกาเหลาพาเพื่อนไปซื้อโน้ตบุ๊กราคา 3 หมื่นนิดๆ คุยไปคุยมา สุดท้ายก็ต่อราคาลงได้อีก 2,000 บาท แต่ถ้าคนขายไม่ยอมลดราคาให้ ก็ลองใช้มุกไม่เอา ถ้าเขาลดได้เขาก็จะรีบให้เอง แต่ถ้ายังนิ่งเราก็อาจลองไปดูร้านอื่นก่อน ถ้าพบว่าร้านแรกถูกสุดก็ค่อยย้อนกลับมาซื้อก็ได้ เพราะยังไงเงินก็ยังอยู่ในกระเป๋าเรา
3. แถม : เมื่อได้ราคาที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่ายแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นราคาที่เรายังไม่พอใจนัก ก็ให้ลองคุยดูว่าไม่ลดกว่านี้ก็ได้ แต่แถมอันนี้หน่อยได้มั้ยล่ะ ส่วนใหญ่จะได้เพราะคนขายอยากปิดการขายเต็มแก่แล้ว เขาจะได้ไปขายคนอื่นบ้าง มุขนี้ใช้ทีไรก็ได้ผล เพราะร้านเขาจะมีของไว้แจกให้กับลูกค้าอยู่แล้ว
4. ตรวจ : ได้ของครบก็อย่าเพิ่งดีใจรีบวิ่งกลับบ้าน เพราะเราควรตรวจสอบสินค้า และเอกสาร (เช่น ใบเสร็จ) ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ เพราะเราสามารถเอาใบเสร็จไปแลกคูปองลุ้นรับรางวัลใหญ่ (รถและอื่นอีกมากมาย) ได้ที่จุด Big Bonus
5. เซต : ในกรณีที่ซื้อโน้ตบุ๊กที่มีวินโดวส์แถมมาด้วย สามารถไปให้น้องๆ บก. ช่วยลงโปรแกรมรวมถึงเชตอัพเบื้องต้น ได้ที่มุม Installer หรือถ้าซื้อเครื่องเปล่าแล้วอย่างใช้บริการนี้ด้วย ก็สามารถซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ อย่างวินโดวส์ หรือออฟฟิศจากบูธในงานก็ได้เหมือนกัน