ทุกคนคงรู้จักกับไวรัสเป็นอย่างดี และนายเกาเหลาก็เชื่อด้วยว่าไม่มีใครอยากเจอ แต่ก็อย่างว่าแหละว่า ถึงไม่อยากเจอ แต่สักครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็มิอาจหลีกหนีได้ วันนี้นายเกาเหลาไม่ได้มาแนะนำวิธีป้องกันหรือวิธีการสแกนฆ่าไวรัส แต่ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาพูดถึงที่มาของชื่อไวรัส
เขียนเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงการตั้งชื่อพายุที่ทั่วโลกเขาใช้หลักการเดียวกันหมด แต่สำหรับไวรัสแล้วแม้ว่าแต่ละบริษัทจะไม่ได้ตั้งชื่อเหมือนกัน แต่สำหรับวิธีการแปลความหมายจะใช้หลักการเดียวกัน โดยเขาจะแบ่งชื่อออกเป็น 4 ส่วนประกอบด้วย
1. Family Names : ชื่อตระกูลไวรัสมักตั้งตามภาษาที่ใช้ในการพัฒนา หรือชนิดของปัญหาที่ไวรัสทำให้เกิดขึ้น
Java ไวรัสที่ถูกพัฒนาด้วยภาษาจาวา
Linux ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์
Palm ไวรัสที่มีผลกระทบกับระบบปฏิบัติการ Palm OS
Backdoor เปิดช่องให้ผู้บุกรุกเข้าถึงเครื่องได้
HILLW บ่งบอกว่าไวรัสถูกคอมไพล์ด้วยภาษาระดับสูง
WM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Word
XM ไวรัสที่เป็นมาโครของโปรแกรม Excel
I-Worm/Worm หนอนอินเทอร์เน็ต
Trojan/Troj ม้าโทรจัน
VBS ไวรัสที่ถูกพัฒนาด้วย Visual Basic Script
2. Group_Name ส่วนชื่อของไวรัสซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมที่ผู้เขียนไวรัสเป็นคนตั้ง โดยปกติจะถูกแทรกไว้อยู่ในโค้ดของไวรัส เช่น W32.Klez.h@mm และจะถูกเรียกย่อๆ ว่า Klez.h
3. Variant รายละเอียดส่วนนี้จะบอกว่าสายพันธุ์ของไวรัสชนิดนั้นๆ มีการปรับปรุงสายพันธุ์จนมีความสามารถต่างจากสายพันธุ์เดิมที่มีอยู่ Variant มี 2 ลักษณะคือ Major_Variants จะตามหลังส่วนชื่อของไวรัส เพื่อบ่งบอกว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่นหนอนชื่อ VBS.LoveLetter.A จะแตกต่างจาก VBS.LoveLetter และ Minor_Variants ใช้บ่งบอกในกรณีที่แตกต่างกันนิดหน่อย อาจเป็นตัวเลขที่บอกขนาดไฟล์ของไวรัส เช่น W32.Funlove.4099 ก็จะหมายถึงหนอนตัวนี้มีขนาด 4099 KB.
4. Tail ตัวบอกว่าวิธีการแพร่กระจาย ประกอบด้วย @M หรือ @m บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น mailer ที่จะส่งตัวเองผ่านทางอีเมล์เมื่อผู้ใช้ส่งอีเมล์เท่านั้น และ @MM หรือ @mm บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น mass-mailer ที่จะส่งตัวเองผ่านทุกอีเมล์แอดเดรสที่อยู่ในเมล์บ็อกซ์