การเมืองทำพิษ Tesla สูญรายได้หนัก ผลกระทบจากกำแพงภาษี

[มีสัญญาณ] เข้าสู่ช่วงวิกฤตแล้วกับ Tesla หลังผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 พบมีกำไรสุทธิลดลงถึง 71% เมื่อเทียบกับปีก่อน ด้านรถไฟฟ้าก็มีรายได้ลดลงถึง 20%

รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปีจาก Tesla เผยมีรายได้รวม 19.3 พันล้านดอลลาร์ฯ และกำไรสุทธิ 409 ล้านดอลลาร์ฯ นับว่าและลดลง 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งมียอดรายได้ 21.3 พันล้านดอลลาร์ฯ แต่ขณะเดียวกันก็มีกำไรสุทธิลดลงถึง 71% เมื่อเทียบรายปี โดยเฉพาะรายได้จากการขายรถไฟฟ้าลดลงถึง 20% เหลือเพียง 13.9 พันล้านดอลลาร์ฯ จาก 17.4 พันล้านดอลลาร์ฯ

Tesla ส่งจดหมายถึงผู้ถือหุ้น เผยปัญหาภาษีและกระแสการเมืองที่ไม่สู้ดี จากนโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กำลังส่งผลต่อการเติบโตของบริษัททั้งธุรกิจรถไฟฟ้า แบตเตอรี่ฯ และโซลาร์เซลล์ แม้บริษัทจะพยายามรักษาเสถียรภาพในระยะกลางถึงยาวก็ตาม

หลังมียอดเติบโตแบบก้าวกระโดดมาหลายปี แต่ล่าสุดบริษัทกำลังพลิกกลับอย่างกะทันหัน โดยมีรายงานด้วยว่า Tesla มียอดส่งมอบรถในไตรมาสนี้อยู่ที่ 336,681 คัน นับว่าลดลง 12.9% ถือว่าแย่ที่สุดในรอบ 3 ปีเลย

ด้านนักวิเคราะห์ชี้ Tesla มีปัญหาหลัง Elon Musk เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง อย่างการก่อตั้งหน่วยงาน DOGE ที่มีเป้าหมายตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นของภาครัฐโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันได้มุ่งเป้าไปที่หน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ส่งผลให้เกิดการต่อต้านจากประชาชน นำไปสู่การประท้วงในชื่อ “Tesla Takedown” ที่ว่าด้วยการบอยคอตสินค้าของบริษัทดังกล่าว และยังมีทั้งการวางเพลิงกับทำลายรถ Tesla ทั่วโลกด้วย

มีการตั้งข้อสังเกตของ Tesla อีกด้วยว่า Elon Musk เคยสัญญาว่าจะมีการผลิตรถไฟฟ้าในราคาราว ๆ 25,000 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 8 แสนบาทในปีที่แล้ว แต่ที่ผ่านมาบริษัทกลับมุ่งไปที่รถกระบะไฟฟ้าอย่าง Cybertruck มากกว่า

ท้ายนี้ Tesla ได้ยืนยันว่าจะมีการเปิดตัวรถไฟฟ้าราคาย่อมเยา ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 นี้ และเตรียมเพิ่มสายการผลิตใหม่สำหรับ Model Y รุ่นปรับปรุง รวมรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ภายในปีนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมเน้นว่า “ในสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทางเลือกราคาย่อมเยาก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้น”

ที่มา : TheVerge