[ข้อมูลใหม่] เปิดด้วยประสิทธิภาพ และงบพัฒนาที่น้อยนิด นั้นคือการมาของ DeepSeek โมเดล AI ใหม่จากจีน ที่เปิดตัวไม่ถึงเดือน ก็สร้างแรงสะเทือนต่อผู้ให้บริการ AI และบริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ไปตาม ๆ กัน ทว่าล่าสุดมีรายงานเผย DeepSeek อาจใช้งบมากกว่า 5.5 ล้านดอลลาร์ฯ และชิป Nvidia มากกว่าที่รายงานครั้งแรงหลายเท่า
SemiAnalysis บริษัทวิจัยและวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI เผย DeepSeek อาจใช้งบในการพัฒนาที่แท้จริงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนงบ 5.5 ล้านดอลลาร์ฯ หรือเกือบ 200 ล้านบาทนั้น เป็นเพียงต้นทุนก่อนการฝึกหรือเทรนตัวโมเดล AI เท่านั้น
ทั้งนี้ DeepSeek ไม่ได้ใช้แค่ชิป GPU หรือ Nvidia H800 จำนวน 2,048 ตัวด้วย แต่มีการใช้ชิป Hopper ประมาณ 50,000 ตัว กับชิป H800 จำนวน 10,000 ตัว และชิป H100 จำนวน 10,000 ตัว นอกจากนี้ยังมีคำสั่งซื้อ H20 ที่เป็นชิปรุ่นลดสเปก (สำหรับขายในจีน) ตัวใหม่จาก Nvidia อีกมากมายด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีงบพัฒนามากกว่าหมื่นล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ 944 ล้านดอลลาร์ฯ และส่วนการลงทุนในชิป GPU อีกกว่า 500 ล้านดอลลาร์ฯ
ตัวอย่างเช่น Anthropic ก็ใช้งบเทรนตัวโมเดล Claude 3.5 Sonnet มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ฯ แต่ทางบริษัทก็ยังต้องของบระดมทุนกว่าหลายพันล้านดอลลาร์ฯ จาก Google และ Amazon ด้วย
มีข้อมูลน่าสนใจอีกว่า DeepSeek ได้จ้างนักพัฒนาในจีนเป็นหลัก ต่างจากบริษัทเทคโนโลยีของจีนรายอื่น ๆ เช่น Huawei ที่พยายามดึงตัวพนักงานจากต่างประเทศมากกว่า ทั้งยังพบด้วยว่า DeepSeek มีการเสนอเงินเดือนมากถึง 1.3 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งสูงกว่าค่าแรงที่บริษัท AI ของจีนอื่นๆ จ่ายซะอีก
ท้ายนี้ทาง SemiAnalysis ได้วิเคราะห์ด้วยว่า DeepSeek เป็นบริษัท AI ที่มีข้อได้เปรียบในการใช้ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของตนเองเป็นหลัก แทนที่จะต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์จากภายนอก ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถทดลองและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นแล็ป (Lab) แบบเปิดหรือ “Open-weights” ที่เอาชนะทั้ง Llama ของ Meta , Mistral และแล็ปอื่น ๆ ไปแล้ว
ที่มา : Techspot
