dwp บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายในระดับโลก ชูการนำ AI มาปฏิวัติกระบวนการออกแบบอย่างเต็มรูปแบบ ใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สร้างสรรค์ผลงานได้เร็วขึ้น
dwp ใช้ AI ทำอะไรบ้าง
1.ปลดล็อกไอเดีย แค่ใส่ Prompt dwp ใช้ AI เป็นคู่หูนักออกแบบ เพียงใส่ Prompt หรือคำสั่ง เช่น “ออกแบบล็อบบี้โรงแรมสไตล์โมเดิร์น เน้นสีเขียวธรรมชาติ AI ก็จะประมวลผลและนำเสนอไอเดียการออกแบบเจ๋ง ๆ ออกมา ช่วยประหยัดเวลา จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่มนุษย์อาจนึกไม่ถึง
2 เร่งสปีดงานเรนเดอร์ ส่งงานไว ถูกใจลูกค้า งานเรนเดอร์ภาพ 3 มิติ ที่เคยใช้เวลานาน dwp ใช้เทคนิคพิเศษ เรนเดอร์ภาพขนาดเล็ก แล้วให้ AI ขยายภาพให้ใหญ่ คมชัด พร้อมเติมรายละเอียดให้สมจริง วิธีนี้ช่วยลดเวลาเรนเดอร์ลงอย่างมหาศาล ทำให้ส่งมอบงานให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างต้องรวดเร็ว
3.VR & AR พาลูกค้าสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง โดย dwp ใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การออกแบบเสมือนจริง ก่อนเริ่มก่อสร้าง ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจน และมีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบได้มากขึ้น
4.ออกแบบผังพื้นที่อัจฉริยะ คาดการณ์อนาคต AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและออกแบบผังพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด คาดการณ์ความต้องการของผู้ใช้งาน สร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งเรื่องของทิศทางลม แดด
5.ใช้ AI ในการตรวจสอบหลักของกฏหมายและเรื่อง Sustainability เช่น พื้นที่ใกล้สนามบินหรือพื้นที่โซนนี้ ต้องมีความสูงไม่เกินเท่าไหร่ สามารถก่อสร้างตึกได้กี่ชั้น และใช้ตรวจสอบพื้นที่สีเขียวภายในอาคารหรือสำนักตาม และยังใช้เพื่อคำนวนต้นทุนวัสดุที่จะใช้ในการสร้างคร่าว ๆ ได้อีกด้วยครับ
การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบของ dwp ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการออกแบบ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้า และการปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล dwp ไม่ได้มองว่า AI เป็นเพียงเทรนด์ แต่เป็นอนาคตของวงการออกแบบ ที่ผสานความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เข้ากับพลังของเทคโนโลยี เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
นอกเหนือจาก AI แล้ว dwp ยังมีจุดแข็งคือ มีการนำ Building Information Modeling (BIM) มาใช้ในองค์กร โดย BIM คือกระบวนการ ในการสร้างและจัดการ แบบจำลองดิจิทัล (Digital Model) ของอาคารหรือโครงสร้างพื้นฐานที่มีรายละเอียดครบถ้วน ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงวัสดุที่ใช้ คุณสมบัติ ราคา และอื่นๆ อีกมากมาย พูดง่ายๆ คือ BIM จะสร้างฝาแฝดดิจิทัล (Digital Twin) ของสิ่งก่อสร้างขึ้นมานั่นเอง
ข้อดีของ BIM คือ
- ออกแบบได้แม่นยำขึ้น เห็นภาพรวมของอาคารได้ชัดเจน ช่วยให้ตัดสินใจออกแบบ ลดข้อผิดพลาด และออกแบบได้ตรงตามความต้องการ
- วางแผนก่อสร้างได้มีประสิทธิภาพ จำลองขั้นตอนการก่อสร้างได้ล่วงหน้า ช่วยให้วางแผนงาน จัดลำดับงาน และบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดความขัดแย้ง อันนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทุกฝ่ายทำงานบนแบบจำลองเดียวกัน เห็นข้อมูลตรงกัน ช่วยลดความขัดแย้งและความเข้าใจผิดระหว่างวิศวกรกับ interior designควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยถอดแบบวัสดุและประมาณราคาได้อย่างแม่นยำ ช่วยควบคุมงบประมาณและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย BIM ช่วยให้การออกแบบและก่อสร้างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน การลดขยะจากการก่อสร้าง
ที่มา งานแถลงข่าว dwp
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ > https://www.techhub.in.th/dwp-announces-record-breaking-year-of-international-awards-unveils-2025-strategy-to-revolutionize-design-with-ai/