AWS เปิดบริการ Region ใหม่ในไทย มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

Amazon Web Services, Inc. (AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. (NASDAQ: AMZN) ประกาศเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region อย่างเป็นทางการ เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าใช้งานได้รวดเร็วและจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยภายในประเทศ การเปิดตัวครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของ AWS ในการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

AWS วางแผนลงทุนกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในประเทศไทย คาดว่าจะสนับสนุนการจ้างงานเฉลี่ยกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี ส่งผลให้ GDP ของไทยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ลูกค้าที่ใช้บริการ AWS ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำและหน่วยงานภาครัฐมากมาย เช่น 2C2P, Ascend Money, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, สถาบันวิจัยข้อมูลขนาดใหญ่, ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวช, เครือเจริญโภคภัณฑ์, Dailitech, สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล, ECV, G-Able, กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป, Metro Systems, NTT DATA, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอีกมากมาย

การเปิดตัว AWS Region ใหม่นี้ จะช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ องค์กรธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร มีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้งานแอปพลิเคชันและให้บริการลูกค้าผ่านศูนย์ข้อมูลของ AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของ AWS สามารถเยี่ยมชมได้ที่ aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure

AWS คาดการณ์ว่า การสร้างและดำเนินงานของ AWS Region แห่งใหม่ในประเทศไทยจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยจะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ของประเทศไทยให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ยังจะสนับสนุนการจ้างงานเต็มเวลาเฉลี่ยมากกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปีในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตำแหน่งงานเหล่านี้จะครอบคลุมหลากหลายสาขา ได้แก่ การก่อสร้าง การดูแลรักษาอาคาร วิศวกรรม โทรคมนาคม และอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของ AWS ในประเทศไทย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ดิฉันขอขอบคุณ Amazon Web Services ที่เลือกลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย ดิฉันรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่บริษัทชั้นนำระดับโลกเล็งเห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศเรา ดิฉันหวังว่า AWS จะมีบทบาทสำคัญในการร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัลที่ครอบคลุมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลได้อย่างทั่วถึง”

นายปราสาท กัลยาณรามัน รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS กล่าวว่า “เราเห็นธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหันมาใช้บริการคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากลูกค้าหลายรายได้ค้นพบประโยชน์อันมหาศาลจากระบบคลาวด์ที่ครอบคลุม น่าเชื่อถือ และปลอดภัยที่สุดในโลกของเรา AWS Region แห่งใหม่ในประเทศไทยจะช่วยให้ลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้งานแอปพลิเคชันชั้นสูงด้วยเทคโนโลยี AWS ที่หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วยบริการพื้นฐาน เช่น การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และระบบเครือข่าย และบริการชั้นสูงที่ช่วยให้ธุรกิจก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น AI และสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค”

การเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region ทำให้ AWS มี Availability Zones รวมทั้งสิ้น 111 แห่งใน 35 AWS Regions ทั่วโลก นอกจากนี้ AWS ยังมีแผนที่จะเปิดตัว Availability Zones เพิ่มอีก 15 แห่ง และ AWS Regions อีก 5 แห่งในเม็กซิโก นิวซีแลนด์ ซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน และ AWS European Sovereign Cloud

AWS Regions ประกอบด้วย Availability Zones ที่มีโครงสร้างพื้นฐานแยกกันตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ สำหรับ AWS Asia Pacific (Thailand) Region นั้นมี Availability Zones สามแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันเพียงพอที่จะรองรับบริการที่ให้ความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจของลูกค้า แต่ก็อยู่ใกล้กันพอที่จะให้บริการด้วยความหน่วงต่ำสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการความพร้อมใช้งานสูง และ Availability Zone มีระบบไฟฟ้า ระบบทำความเย็น และระบบรักษาความปลอดภัยที่แยกเป็นอิสระจากกัน โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่มีความหน่วงต่ำมากและมีระบบสำรองหลายชั้น ด้วยโครงสร้างนี้ ลูกค้า AWS ที่ต้องการความพร้อมใช้งานสูงสามารถออกแบบแอปพลิเคชันให้ทำงานในหลาย Availability Zones เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ รวมถึงมีความยืดหยุ่นและทนทานสูงมากยิ่งขึ้น

AWS มีบริการที่หลากหลายและครอบคลุมที่สุดในกลุ่มธุรกิจคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์และประมวลผล ระบบฐานข้อมูล เทคโนโลยี IoT รวมถึง Generative AI และแมชชีนเลิร์นนิ่ง บริการสำหรับอุปกรณ์มือถือ ระบบจัดเก็บข้อมูล และเทคโนโลยีคลาวด์อื่น ๆ อีกมากมาย ลูกค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ องค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงของ AWS ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ตอบสนองความต้องการในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศ เพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว และตอบโจทย์ความต้องการใช้คลาวด์ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

มุมมองจากลูกค้าและพันธมิตรของ AWS

AWS มีลูกค้านับล้านรายทั่วโลกใน 190 ประเทศ โดยมีองค์กรจากทั่วภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มลูกค้านี้ หลายบริษัทในประเทศไทยเลือกใช้ AWS เพื่อสร้างนวัตกรรม ลดต้นทุน และเร่งการเข้าสู่ตลาด

ตัวอย่างของลูกค้าในไทยที่ใช้บริการ AWS ได้แก่ 2C2P, Ascend Money, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) และกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป

ลูกค้าภาครัฐของไทยใช้ AWS เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณและให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น เช่น สถาบันวิจัยข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวช (AIMET) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

สตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็กในไทย เช่น BODA Technology & Consultancy, BOTNOI Group, Flow Account, Pomelo Fashion และ Sunday Technology ก็ใช้ AWS เพื่อขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และทั่วโลก

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทย กำลังผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลด้วยการใช้งานบน AWS เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะด้าน เช่น การเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การเพิ่มการเข้าถึงทางการเงิน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ธนาคารใช้บริการของ AWS รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล แมชชีนเลิร์นนิ่ง และ AI เพื่อสร้างนวัตกรรมและปรับปรุงกระบวนการทำงาน

คุณพชร วันรัตน์เศรษฐ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะพาร์ทเนอร์ด้านคลาวด์ของเรา AWS มีบทบาทสำคัญในการผลักดันความสำเร็จของโครงการคลาวด์ของกรุงศรี (Krungsri Cloud Program) ซึ่งให้บริการแก่ประชาชนมากกว่า 12 ล้านคน การเปิดตัว AWS Region ในประเทศไทยจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายขอบเขตในการทำงานร่วมกับ AWS ยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ดังกล่าว”

เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจหลากหลายด้าน ทั้งการเกษตร อาหาร ค้าปลีก โทรคมนาคม และอีคอมเมิร์ซ ในกว่า 21 ประเทศทั่วโลก ซีพี กรุ๊ปใช้บริการของ AWS เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว พัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล สร้างผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลใหม่ ๆ และสร้างนวัตกรรมในหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท

คุณฐนสรณ์ ใจดี ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี) บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “การลงทุนของ AWS นี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน AWS Region ใหม่นี้จะช่วยให้เราเร่งการดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ รวมถึงพัฒนาโซลูชันนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรามุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ในประเทศไทยเพื่อให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”

กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยธนาคารกสิกรไทย หนึ่งในผู้นำทางด้านการเงินดิจิทัล KBTG ดูแลปฏิบัติการไอทีและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมสนับสนุนเส้นทาง Digital Transformation และการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ของธนาคารและบริษัทในเครือ รวมแล้วมากกว่า 400 แอปพลิเคชัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้การเงินเข้าถึงได้อย่างสะดวกและครอบคลุมสำหรับลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาค

คุณตะวัน จิตรถเวช Chief Technology Officer ที่ KBTG กล่าวว่า “การใช้ AWS เป็นกลยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของเราอย่างมาก ช่วยให้เราสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟินเทค เราเลือก AWS เพราะมีบริการที่ครอบคลุม มีความเชี่ยวชาญด้านโซลูชันคลาวด์อย่างลึกซึ้ง และมีความยืดหยุ่นในการช่วยให้เราขยายการดำเนินงานได้ ด้วย AWS Thailand Region ใหม่นี้ เราจะสามารถทำให้ระบบทำงานเร็วขึ้น จัดการข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งมอบบริการทางการเงินที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าของเราได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และพร้อมใช้งานมากที่สุดในโลก”

สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ Big Data Institute (BDI) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐของไทย กำลังนำการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถกำหนดนโยบายที่มีข้อมูลรองรับเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญได้ BDI ได้ริเริ่มโครงการบูรณาการข้อมูลหลายโครงการ อาทิ Health Link, Travel Link และแพลตฟอร์มโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของไทย โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลในทุกภาคส่วน

ดร. ภิรณี อจลากุล ประธานและซีอีโอของสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ กล่าวว่า “ด้วย AWS Thailand Region แห่งใหม่ เรามีความยินดีที่จะประกาศว่าสถาบันของเราจะย้าย Health Link ซึ่งเป็นบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพแบบกระจายศูนย์ ไปยังศูนย์ข้อมูลของ AWS ในประเทศไทย Health Link มีเป้าหมายที่จะให้การดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้สามารถเข้าถึงประวัติสุขภาพได้อย่างสะดวกรวดเร็วโดยไม่ต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนไว้ที่ศูนย์กลาง เราเลือก AWS เป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของเรา เนื่องจากมีชื่อเสียงด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย มีความเสถียร และรองรับการขยายตัวได้สูง อีกทั้งยังมีทีมวิศวกรและที่ปรึกษาที่ให้การสนับสนุนอย่างยอดเยี่ยม เมื่อเราขยายการใช้งาน Health Link ให้กว้างขวางขึ้น สิ่งสำคัญคือการรักษาระบบให้มีความเสถียร ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรามั่นใจว่าสามารถทำได้ด้วยความร่วมมือกับ AWS”

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2518 เป็นศูนย์กลางซื้อขายหลักทรัพย์และให้บริการที่เกี่ยวข้อง มีสินค้าและบริการครบวงจร โดยกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแพลตฟอร์มซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ที่รองรับผู้ใช้งานกว่า 3.6 ล้านบัญชี

คุณถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “AWS ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่แข็งแกร่งสำหรับแพลตฟอร์มซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ มีความหน่วงต่ำ ตอบสนองตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและข้อบังคับที่เข้มงวดได้ พร้อมรองรับความต้องการใหม่ ๆ และนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ลงทุนในยุคดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยให้การปรับระบบให้รองรับผู้ใช้พร้อมกันมากกว่า 500,000 ราย (concurrent) สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพการให้บริการในระดับสูงสุดไว้ ด้วย AWS Thailand Region ใหม่ จะช่วยยกระดับประสบการณ์การซื้อขายของผู้ลงทุนให้ดียิ่งขึ้น”

เครือข่ายพาร์ทเนอร์ของ AWS (AWS Partner Network หรือ APN) ประกอบด้วยบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) และบริษัทที่ให้บริการรวมระบบ (SIs) นับหมื่นรายทั่วโลก พาร์ทเนอร์เหล่านี้พัฒนาโซลูชันและบริการนวัตกรรมบน AWS โดยมี APN ให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านธุรกิจ เทคนิค การตลาด และการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

พาร์ทเนอร์ของ AWS ที่เป็น ISV พาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยี และพาร์ทเนอร์ที่ปรึกษาของ AWS ช่วยเหลือลูกค้าองค์กรและภาครัฐในการย้ายระบบมาสู่ AWS ติดตั้งแอปพลิเคชันที่สำคัญ ตลอดจนให้บริการด้านการตรวจสอบ จัดการระบบอัตโนมัติ และดูแลสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบครบวงจร

AWS มีพาร์ทเนอร์ในประเทศไทยหลายราย ได้แก่ Com7, Dailitech, Dakok, Deloitte, Fujitsu, G-Able, Inteltion, Metro Systems, MFEC, NTT DATA, SIS Distribution, Software One, True IDC และ Yip in Tsoi & Co., Ltd. เป็นต้น สำหรับรายชื่อพาร์ทเนอร์ของ AWS ทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ aws.amazon.com/partners

Dailitech เป็นบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติไทยที่เชี่ยวชาญด้าน Data Solutions และ AI โดยมีการวางพื้นฐานด้าน Network, Security และ Application Migration ไปยัง AWS Cloud เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม

ดร.วิชญ์ เนียรนาทตระกูล กรรมการผู้จัดการของ Dailitech กล่าวว่า “การเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region จะช่วยให้ Dailitech สามารถนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาสู่ท้องตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับลูกค้าของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การขยายโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ครั้งนี้ยังตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะผู้เล่นสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจไทย และคนไทยอีกด้วย”

NTT DATA เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม NTT ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นผู้ให้บริการด้านไอทีชั้นนำ โดยทำงานร่วมกับ AWS เพื่อช่วยธุรกิจในไทยย้ายระบบมาสู่คลาวด์ บริหารจัดการ และปรับปรุงการใช้งานให้ดีขึ้น NTT DATA ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือของ AWS เพื่อช่วยให้ลูกค้าก้าวสู่ยุคดิจิทัลได้เร็วขึ้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น IoT และการวิเคราะห์ข้อมูล

คุณสุทัศน์ คงดำรงเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมา เอ็นทีที ดาต้า ประเทศไทย กล่าวว่า “การลงทุนครั้งสำคัญของ AWS นี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ด้วย AWS Thailand Region ใหม่นี้จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันคลาวด์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้าของเรา ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ความหน่วงต่ำลง และความปลอดภัยของข้อมูลที่สูงขึ้น เราเป็นพันธมิตรกับ AWS มายาวนาน และตื่นเต้นที่จะใช้โครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้เพื่อสร้างนวัตกรรม โดยเฉพาะในด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและความสามารถทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI, IoT, เมืองอัจฉริยะ และอุตสาหกรรม 4.0 การพัฒนาครั้งนี้จะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่งขึ้น และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจในหลากหลายภาคส่วนอย่างแน่นอน”