โน้ตบุ๊ก AI ตัวแรง Intel® Core™ Ultra 200V เจอได้ที่งานคอมมาร์ต 

โน้ตบุ๊ก AI ตัวแรง Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors เจอได้ที่งานคอมมาร์ต 

HP Omnibook Ultra Flip 14 คือ Laptop  2-in-1 AI  สุดพรีเมี่ยมที่ HP ได้พัฒนาต่อยอดจาก จาก Spectre x360 เพื่อยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยดีไซน์ที่บางเบา หน้าจอ OLED สุดคมชัด และประสิทธิภาพที่ HP เคลมว่าเร็ว แรงและประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม  มาพร้อมฟีเจอร์ AI ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน แต่คำถามคือ Omnibook Ultra Flip 14 จะแทนที่ Spectre x360 ได้ขนาดไหน มาดูกัน

Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors

สิ่งที่แตกต่างกันชัดเจนคือชิปภายใน Omnibook มาพร้อมกับ Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors หรือที่รู้จักกันในชื่อรหัส Lunar Lake  ที่เข้ามาช่วยปลดล็อกประสบการณ์ AI แบบใหม่ โดยซีพียูยุคใหม่สำหรับโน้ตบุ๊กที่ Intel ตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อให้ประสบการณ์การใช้งาน AI ล้ำ ๆ ด้วยสถาปัตยกรรมอันชาญฉลาด เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง และฟีเจอร์อันทรงพลัง 

หัวใจสำคัญของ Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors คือการออกแบบชิปที่ให้ประสิทธิภาพสูง แต่ยังมีการประหยัดพลังงานไปด้วยในตัว สถาปัตยกรรมไฮบริดใหม่ล่าสุดช่วยให้ซีพียูสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด โดยแบ่งการทำงานระหว่าง P-core ประสิทธิภาพสูงและ E-core ประหยัดพลังงาน ส่งผลให้โน้ตบุ๊กทำงานรวดเร็วและมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น

Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors  มาพร้อมชิปกราฟิก Intel® Arc™ อันทรงพลัง ภายในมีสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุด ที่เพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า iGPU รุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ซึ่งให้เราสามารถนำไปเล่นเกม AAA ได้  ตัดต่อวิดีโอ 4K ได้ หรือทำงานกราฟิกขั้นสูงได้อย่างลื่น ๆ 

นอกจากนี้ Intel ยังได้รวม NPU หรือ Neural Processing Unit เข้ากับ Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors   ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลเฉพาะทางสำหรับงาน AI ช่วยให้โน้ตบุ๊กสามารถประมวลผลงานด้าน AI ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลภาษาธรรมชาติ การจดจำใบหน้า การเรียนรู้ของเครื่อง การใช้งานฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ จาก Copilot+  ซึ่งต้องยอมรับว่า AI ทำงานได้ดีที่สุดบน Intel 

อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญของ Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors คือการใช้แรมแบบ LPDDR5X บนแพ็กเกจชิป เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลระหว่างซีพียูและแรม ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors  ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Intel Xe Matrix Extensions (Intel XMX) ที่ช่วยเร่งความเร็วการประมวลผล AI บน iGPU ทำให้การทำงานด้าน AI มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยลดภาระการทำงานของซีพียูได้อีกด้วย

ด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เล่ามา ต้องยอมรับว่า Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors นั้นล้ำสมัยสุด ๆ เป็นชิปประมวลผลที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การเล่นเกม หรือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ 

Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors  มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ตั้งแต่รุ่นประหยัดพลังงาน ไปจนถึงรุ่นประสิทธิภาพสูง ผู้ใช้งานสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณได้

การเปิดตัวIntel® Core™  Ultra 200V Series Processors  ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการชิปประมวลผล ที่แสดงให้เห็นว่า Intel มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ซึ่งในอนาคต เราอาจจะได้เห็น Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟนครับ

ความแตกต่างระหว่าง Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors  กับรุ่น  Intel® Core™  Ultra 100 H/U Series

1.สถาปัตยกรรมม 

  • 200 series ใช้สถาปัตยกรรมใหม่หมดจด ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด มีการใช้เทคโนโลยี Foveros 3D Packaging ทำให้ลด latency ในการรับส่งข้อมูล และรวมฟีเจอร์ใหม่ๆ ไว้ในชิปเซ็ต
  • 100 series  ใช้สถาปัตยกรรมรุ่นก่อนหน้า ซึ่งถึงแม้จะยังมีประสิทธิภาพที่ดี แต่ก็ไม่เท่ากับ 200 series

2.กราฟิก

  • 200 series  ใช้กราฟิก Intel® Arc™ Graphics 140V หรือ 130V  ที่ทรงพลังกว่าเดิม  เป็น 2nd Gen Xe-core เล่นเกมลื่นไหล รองรับ ray-tracing และ VVC Decode 
  • 100 series: ใช้กราฟิก  Intel® Arc™ Graphics ( Intel® Core™  Ultra 100H Series) ซึ่งประสิทธิภาพโดยรวมน้อยกว่า 200 series ถึง 1.5x

3.AI

  • 200 series มี NPU เวอร์ชั่น 4.0 ประมวลผล AI ได้สูงสุด 120 TOPS (120 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) สูงกว่า 100 series มาก ถึง 58%
  • 100 series: มี NPU เวอร์ชั่นก่อนหน้า ประสิทธิภาพในการประมวลผล AI จึงน้อยกว่า

4.การจัดการพลังงาน

  • 200 series จัดการพลังงานได้ดีกว่า 100 series ถึง 50% ใช้งานได้นานขึ้น ประหยัดแบตเตอรี่
  • 100 series ใช้พลังงานมากกว่า 200 series ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่า

5.ฟีเจอร์อื่นๆ

  • 200 series
    • รองรับ Wi-Fi 7 (802.11be) และ Bluetooth 5.4
    • รองรับ Thunderbolt 4
    • 4 PCIe Gen 5 + 4 PCIe Gen 4 Lanes
    • มี Multi-Engine Security เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
    • มี RAM LPDDR5/x-8533 MT/S ในตัวแพ็คเกจ 16GB หรือ 32GB 
  • 100 series รองรับเทคโนโลยีรุ่นเก่ากว่า เช่น Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2

เอาล่ะ Techhub ให้รายละเอียดเรื่องชิปไปมากพอสมควร น่าจะทำพอเห็นภาพแล้วว่าชิปรุ่นใหม่นั้นดีกว่ารุ่นก่อนยังไง ทีนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของ HP Omnibook Ultra Flip 14 ตั้งแต่ดีไซน์ หน้าจอ คีย์บอร์ด พอร์ต ลำโพง ไปจนถึงประสิทธิภาพ และแบตเตอรี่ เพื่อดูว่าโน้ตบุ๊กเครื่องนี้ เหมาะกับใคร คุ้มค่ากับราคาหรือไม่ ?

สเปค

รุ่นที่ Techhub ได้มารีวิว จะเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับชิป Intel® Core™ Ultra 226V ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ Eclipse Grey และ Atmosphere Blue รุ่นที่ Techhub รีวิวนี้เป็นสี Atmosphere Blue ส่วนสเปคอื่น ๆ ไปดูกันครับ

Display : 14″ 2.8K OLED touch display

CPU : Intel® Core™ Ultra  5 processor 226V 2.1 GHz  8 Cores/8 Threads (4P+4E)

GPU : Intel® Arc™ 130V iGPU Up to 1.85 GHz (53 TOPs) 

NPU : 40 TOPs (สูงสุด 120 TOPs)

RAM : 16 GB LPDDR5x 8533 MHz

Min -Maximum Power : 8W-17W-37W

Storage : 1TB PCIe/NVMe M.2 SSD

Web Camera : AI IR Camera ความละเอียดสูง 9MP 

Wireless : Wi-Fi 7 (802.11BE) , Bluetooth 5.4

Port : 2 Thunderbolt™ 4  , 1 USB Type-C , 1 Audio Combo 

Weight : 1.34 KG  

Battery : 6-cell,64 Wh Li-ion polymer

OS : Windows 11 Home

ปากกา Stylus : HP Rechargeable MPP2.0 Tilt Pen

ดีไซน์ การออกแบบ และวัสดุ 

ตัวเครื่อง Omnibook Ultra Flip 14 มีขนาดเล็ก บาง และเบากว่า Spectre x360 14 อย่างเห็นได้ชัด วัสดุ ให้ความรู้สึก พรีเมียม แข็งแรง ทนทาน ฝาหลังแนบสนิทกับตัวเครื่อง ขอบมุมโค้งมนดีไซน์แบบ Diamond Cut ที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง HP ทำให้ดูทันสมัย  

ตัวเครื่องพับหน้าจอได้ 360 องศา ใช้งานในโหมดต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็น Laptop Mode, Tablet Mode, Tent Mode, หรือ Stand Mode ตรงฝาพับ มีอักษร OmniBook ทดสอบใช้งานบานพับ มีความแข็งแรง จับถนัดมือ

หน้าจอ

HP Omnibook Ultra Flip 14 มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800 พิกเซล) ให้สีสัน สดใส คมชัด มุมมองกว้าง Refresh Rate สูงสุด 120Hz รองรับ Dynamic Switching ปรับ Refresh Rate ลงมาที่ 48Hz เพื่อประหยัดพลังงาน  

หน้าจอ มีความสว่างสูงสุด 400 nits เพียงพอสำหรับการใช้งานปกติ แต่อาจจะมองเห็นได้ไม่ชัดนัก  หากใช้งานกลางแจ้ง

ลำโพง ไมโครโฟน และเว็บแคม

ชุดอุปกรณ์ทั้งหมดที่ให้มานั้น มาจาก Poly Studio ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์วิดีโอคอนเฟอเรนซ์คุณภาพสูง และเป็นหนึ่งในแบรนด์ของ HP จึงมั่นใจได้ว่า อุปกรณ์มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งานทั้งการประชุม และใช้งานมีเดียต่าง ๆ 

ลำโพง : มีมาให้ทั้ง หมด 4 ตัว ใต้ตัวเครื่อง ลองฟังให้เสียงมีคุณภาพสูง ให้เสียงสมจริงเลย ประชุมออนไลน์เสียงดังฟังชัด 

ไมโครโฟน  : มีมาให้ 3 จุด พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน เวลาวิดีโอคอล ฟังตรงข้ามได้ยินชัดเจนครับ

กล้องเว็บแคม : Full HD ขนาด 9MP ถือว่ามีความละเอียดสูงพอสมควร และยังผนวกรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ AI ช่วยปรับแต่งภาพเวลาประชุม ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น และยังมี Manual Shutter ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้แบบขั้นสุด

คีย์บอร์ดและทัชแพช

คีย์บอร์ดมีขนาดกำลังดี พิมพ์ได้สะดวก เงียบ มีที่สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่มเปิดปิดเครื่อง 

แทร็คแพดมีขนาดใหญ่ ใช้งานได้ลื่นไหล แต่มีปัญหาเล็กน้อยคือ บางครั้งหลังจากพับกลับมาจากโหมดแท็บเล็ต ระบบจะไม่ Re-enable คีย์บอร์ด และแทร็คแพด ต้องขยับหน้าจอเล็กน้อย ถึงจะใช้งานได้ครับ

2 Thunderbolt™ 4 with USB Type-C® ความเร็วสูงสุด  40Gbps รองรับการชาร์จไว และรองรับ DisplayPort™ 2.1 ส่วน พอร์ต USB Type-C® รองรับความเร็ว 10Gbps รองรับการชาร์จไวเช่นกัน แต่รองรับ DisplayPort™ 1.4 ครับ ส่วนตัวก็คิดว่าให้มาพอประมาณสำหรับโน้ตบุ๊ก Ultrathin ไม่มี USB-A ซึ่งอาจจะไม่สะดวกสำหรับคนที่ใช้งานอุปกรณ์รุ่นเก่า ๆ

ซอฟต์แวร์และ ฟีเจอร์

HP Omnibook Ultra Flip มาพร้อม Windows 11 Home มีแอปที่ Pre-installed มาให้บางส่วน เช่น McAfee, Adobe, Dropbox และ HP AI Companion  

สำหรับ HP AI Companion เป็นชุดเครื่องมือและโซลูชัน AI ที่ HP พัฒนาขึ้นให้กับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น

  • ฟีเจอร์ช่วยถอดเสียงสดและแสดงแคปชั่นแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามการประชุมหรือข้อมูลในการเรียนออนไลน์ได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการได้ยิน ก็เหมาะมาก
  • ฟังก์ชั่นบันทึกเสียงสำหรับการถอดเสียง สามารถบันทึกเสียงและแปลงเป็นข้อความได้อย่างรวดเร็ว
  • บันทึกที่สร้างโดย AI ช่วยในการจดบันทึกและสรุปเนื้อหาสำคัญ

นอกจากนี้ ยังทำงานควบคู่กับ McAfee Smart AI Deepfake Detector ตรวจหาเสียงปลอมที่สร้างขึ้นโดย AI เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้รู้สึกเหมือนเครื่องทำงานได้เร็วขึ้นครับ

แบตเตอรี่

จากการทดสอบใช้งานทำงานทั่วไป แบตเตอรี่ใช้งานได้นานประมาณ 11 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าดีนะ ครอบคลุมการใช้งานทั้งวัน โดยไม่ต้องพกอะแดปเตอร์ติดตัวเวลาออกไปข้างนอก ส่วนการเล่นเกม หรือทำงานหนักๆ แบตเตอรี่ จะลดลงเร็วกว่านี้ครับ 

ชิป AI กับ Copilot+ 

อย่างที่บอกว่า Intel® Core™  Ultra 200V Series Processors มี NPU มาให้มากถึง 40 TOPs (40ล้านล้านครั้งต่อวินาที) ทำให้การประมวลผล AI ทำได้อย่างราบรื่น  

สำหรับ Copilot+ จะใช้ประโยชน์จาก NPU (Neural Processing Unit) ทำให้ Copilot+ สามารถประมวลผลข้อมูลและทำงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วบนอุปกรณ์ของเราเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการใช้งานผ่าน Cloud

Copilot+  มีฟีเจอร์เด่น ๆ คือ

Recall ค้นหาข้อมูลต่างๆ บนอุปกรณ์ของเราได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ เอกสาร รูปภาพ หรือวิดีโอ เพียงแค่พิมพ์คำค้นหา Copilot+ ก็จะช่วยคุณค้นหาสิ่งที่ต้องการ

Cocreator สร้างและแก้ไขรูปภาพ AI แบบเรียลไทม์ได้โดยตรงบนอุปกรณ์

Live Captions สร้างคำบรรยายแบบเรียลไทม์สำหรับเสียง และแปลภาษาได้มากกว่า 40 ภาษา

Windows Studio Effects ปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอคอล เช่น ปรับแสง เบลอพื้นหลัง และปรับสายตาให้มองกล้องเสมอ ช่วยเสริมบุคลิกภาพระหว่างประชุมออนไลน์ 

ในวันที่ Techhub เขียนรีวิวนี้ Copilot+ ยังรอบการใช้งานบนชิป Arm อยู่ส่วน X86 มีแผนจะเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้ใช้งานนะ   

ประสิทธิภาพ

CPU&GPU-Z

3D Mark Time Spy

3D Mark Steel Nomad

3D Mark CPU Profile 

PC MARK 10

Cinebench R24 

Crystal Disk Mark 

BatteryMon 

ทดสอบเล่นเกม

การเล่นเกม ก็ต้องยอมรับตรง ๆ ว่า เล่นได้บางเกมครับ อย่างเกมที่นำมาโชว์ก็เป็นเกมยอดฮิตอย่าง Counter Strike ซึ่งได้เฟรมเรทประมาณ 60-70 FPS หรือจะเป็น league of legends ก็เล่นได้ปกติครับ ส่วนบางเกมอย่าง Hogwarts legacy อันนี้จะหนักไปสำหรับ Laptop Ultrathin ที่ไว้ใช้ทำงานครับ 

สรุป

HP Omnibook Ultra Flip 14 เป็นโน้ตบุ๊ก 2-in-1 ที่น่าสนใจ ต้องยอมรับว่าดีไซน์ ทำออกมาได้สวยงาม จุดตัด Diamond Cut ที่มีพอร์ต Type-C นั้นได้ใช้ประโยชน์จริง วัสดุพรีเมียม หน้าจอ OLED คมชัด แบตเตอรี่  อึด แต่มีข้อสังเกตนิดหน่อย คือไม่มีพอร์ตสำหรับ USB-A และไม่มี Hub แถมมาให้ ดังนั้น ใครที่ใช้อุปกรณ์รุ่นเก่า อาจจะซื้อ Hub แยกเพิ่มครับ

หากใครสนใจ  ไปสัมผัส ลองเล่น และจับของจริงได้ที่งาน Commart TechXPro 2024 ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา  ซึ่งในงาน มีโปรโมชั่น และของแถมพิเศษ สำหรับที่  Notebook ที่ใช้ CPU Intel ด้วยนะ แล้วเจอกัน