ต้องยอมรับว่า ช่วงนี้กระแส AI มาแรงมาก แต่ก็มีประเด็นถกเถียงกันเยอะน่าดู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแม่นยำของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ หรือการที่บริษัทต่างๆ รีบเข็นผลิตภัณฑ์ AI ออกมาแบบลวกๆ เพื่อหวังจะเป็นเจ้าแรกในตลาด แม้ว่าคุณภาพจะแย่ก็ตาม เรื่องนี้ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ที่เป็นประเด็นร้อนที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่ว่า AI จะมาแย่งงานมนุษย์นี่แหละ
Strauss Zelnick ซีอีโอของ Take-Two บริษัทโฮลดิ้งเกมรายใหญ่ของอเมริกา มองว่าการปฏิวัติ AI ที่กำลังเกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่องานในวงการเกม ทั้งในแง่ของการจ้างงานและความคิดสร้างสรรค์ ถึงแม้ ChatGPT จะพิสูจน์แล้วว่ามันเขียนโค้ดเกมได้ก็จริง แต่ Zelnick ไม่เชื่อว่า AI จะพัฒนาการออกแบบเกม หรือทำให้กระบวนการพัฒนาเกมมีประสิทธิภาพมากขึ้นแบบก้าวกระโดดได้
เขายกตัวอย่างเกม Grand Theft Auto V ซึ่งเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดเท่าที่เคยมีมา และ GTA6 ก็จะสำเร็จไม่ต่างกัน แต่ทั้งสองเกมไม่ได้ใช้ AI ในแบบที่เรากำลังพูดถึงกันในปัจจุบัน จริง ๆ ที่ผ่านมา สตูดิโอเกมใช้ AI มาตลอด นานกว่ากระแส LLM ในตอนนี้เสียอีก และมันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน แต่ในส่วนของการที่ AI จะเข้ามาแทนที่งานเขียนโค้ด หรือแง่มุมอื่นๆ ในการออกแบบเกม เขาไม่เห็นว่าจะเป็นไปได้
เขาเชื่อว่า AI ในเกมจะไม่ต่างจากชุดเครื่องมือในปัจจุบันอย่าง Blender หรือ Unreal Engine มันจะเป็นแค่ซอฟต์แวร์อีกตัวที่นักพัฒนาสามารถใช้ช่วยงานได้ แต่จะไม่ทำให้บริษัทใดประสบความสำเร็จมากกว่าบริษัทอื่น เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมือเดียวกันได้ สุดท้ายแล้ว มนุษย์ต่างหากที่จะเป็นผู้คิดไอเดียสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของเกม
แต่สำหรับ Nvidia และบริษัทอื่นๆ ไม่ได้มองแบบนั้น พวกเขาเชื่อมั่นว่า AI จะมาแทนที่มนุษย์ในงานเฉพาะด้าน รวมถึงการเขียนโค้ด Peter Molyneux ผู้สร้างเกม Fable ออกมาบอกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้คนจะสามารถสร้างเกมได้ด้วยการป้อนคำสั่งง่ายๆ ในภาษาธรรมดา ตอนนี้เหล่า modder ก็เริ่มเพิ่ม NPC ที่ควบคุมด้วย AI ลงในเกมแล้ว ซึ่งจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการของโมเดลภาษา ขณะเดียวกัน ก็มีบริษัทอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาชุดเครื่องมือคล้ายกับที่ Zelnick จินตนาการไว้
ที่มา
techspot