Resilient File System หรือ (ReFS) เป็นระบบไฟล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายใน Windows Server มาตั้งแต่ปี 2012 โดยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจาก NTFS
ถึงแม้ว่า NTFS จะยังคงเป็นระบบไฟล์หลักสำหรับ Windows ทั่วไป แต่ ReFS ก็มีข้อดีเฉพาะตัวที่เหมาะกับศูนย์ข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมาก
จุดเด่นที่สุดของ ReFS คือเทคโนโลยี Block Cloning ที่ช่วยให้การคัดลอกไฟล์เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการทดสอบของ Microsoft พบว่าความเร็วในการคัดลอกไฟล์ขนาด 1MB เพิ่มขึ้น 18% และไฟล์ขนาด 1GB เพิ่มขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบกับ NTFS แม้แต่การถ่ายโอนโฟลเดอร์ขนาดใหญ่ก็ยังเร็วขึ้น 80% โดยการคัดลอกไฟล์ขนาด 18GB ใช้เวลาเพียง 6 วินาที จากเดิมที่ใช้เวลามากกว่า 30 วินาที
และนอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นแล้ว ReFS ยังมีระบบตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อตรวจจับและแยกข้อมูลที่เสียหายโดยไม่กระทบต่อส่วนอื่นๆ ของไดรฟ์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ReFS ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ทั่วไป จึงมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ไม่มีฟีเจอร์บางอย่างที่ผู้ใช้ทั่วไปคุ้นเคย เช่น การบีบอัดไฟล์และการเข้ารหัส และไม่สามารถใช้เป็นไดรฟ์สำหรับบูตระบบปฏิบัติการได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่สามารถแปลงไดรฟ์ระหว่าง ReFS และ NTFS ได้โดยตรง ต้องฟอร์แมตใหม่ทั้งหมด
ซึ่ง Microsoft ก็ได้แนะนำว่า ให้เก็บโปรเจกต์ที่ใช้งานอยู่บนไดรฟ์ ReFS และใช้ไดรฟ์ NTFS สำหรับระบบปฏิบัติการ แอพพลิเคชัน และข้อมูลส่วนตัว จะเหมาะสมที่สุดครับ
วิธีสร้าง ReFS Dev Drive (แนะนำให้อัปเดต Windows 11 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนนะครับ)
1.ไปที่ การตั้งค่า Windows (Windows Settings)
2.เลือก ระบบ (System) > ที่เก็บข้อมูล (Storage) > การตั้งค่าที่เก็บข้อมูลขั้นสูง (Advanced Storage Settings) > ดิสก์และไดรฟ์ข้อมูล (Disks & volumes)
3.เลือก สร้าง Dev Drive (Create dev drive)
4.เลือกดิสก์ที่ต้องการใช้ (ต้องเป็นดิสก์เปล่าหรือดิสก์ที่คุณยินดีจะฟอร์แมตใหม่)
5.กำหนดขนาดของ Dev Drive
6. คลิก สร้าง (Create)
หลังจากสร้าง ReFS Dev Drive แล้ว เราก็สามารถย้ายโปรเจกต์งาน, ไฟล์เกม, หรือไฟล์อื่นๆ ที่ต้องการความเร็วในการอ่าน/เขียนสูง ไปไว้ในไดรฟ์นี้ได้เลย
ที่มา
https://www.techspot.com/news/104995-windows-11-latest-update-doubles-file-copying-speeds.html
อ่านข่าวอื่น ๆ ของ Techhub