[พลังงานสะอาด] ดูเหมือนพลังงานแสงอาทิตย์และแบตฯ สำรอง กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐฯ หลังมีรายงานว่าผลิตกำลังไฟฟ้าได้สูงถึง 80% และอาจแตะ 96% ภายในช่วงสิ้นปีนี้
รายงานจาก Energy Information Administration หรือ EIA เผยสหรัฐฯ สามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้าได้ 60% คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด 20.2 กิกะวัตต์ ซึ่งส่วนใหญ่จากโรงงานไฟฟ้าในรัฐเท็กซัสและเนวาดา นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้สหรัฐฯ ยังมียอดการติดตั้งแบตฯ ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยพบกำลังไฟฟ้า 4.2 กิกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นยอดอีก 20% ของกำลังการผลิตทั้งหมด โดยมีรัฐแคลิฟอร์เนียครองตำแหน่งการติดตั้งมากกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ
นอกจากพลังงานแสงอาทิตย์และแบตฯ แล้ว ในสหรัฐฯ ยังมีพลังงานจากกังหันลมที่ 2.5 กิกะวัตต์ ส่วนพลังงานหลักอย่างนิวเคลียร์ ปีนี้ก็มีการเพิ่มกำลังการผลิตด้วยการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ 4 เครื่อง ในขนาด 1.1 กิกะวัตต์ ที่โรงงาน Vogtle ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งถือเป็นโรงงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยเริ่มสร้างเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
คาดการณ์จาก EIA เผยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปีนี้ อาจมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 42.6 กิกะวัตต์ โดย 25 กิกะวัตต์มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ อีก 10.8 กิกะวัตต์มาจากระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตฯ และ 4.6 กิกะวัตต์มาจากพลังงานลม เท่ากับว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่อาจสูงถึง 96% ในปี 2024 นี้
การมาของ AI ถูกประเมินแล้วว่าใช้พลังงานสูง แน่นอนว่าการที่ทางสหรัฐฯ เพิ่มส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเหล่านี้มากขึ้น อาจไม่ใช่เรื่องแปลก ผนวกกับการมาของรถไฟฟ้า และมาตรการเพิ่มแรงจูงใจอย่าง Green Technology ก็ยิ่งทำให้เข้าถึงเป้าหมายการผลิตพลังงานแบบปลอดมลพิษ 100% ได้ยิ่งขึ้น
ที่มา : Techspot