30 ปีก่อน ที่ Flint Center for the Performing Arts เมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นครั้งแรกที่ Steve Jobs ขึ้นเวทีเปิดตัว “แมคอินทอช” จากเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ในปีนั้น ผ่านมา 30 ปี Apple จะกลับไปยังสถานที่ดังกล่าวอีกครั้งเพื่อเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการไอทีด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คาดว่าจะเป็น iPhone 6, Smartwatch และอาจมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ แนบตามมาอีกด้วย
Flint Center for the Performing Arts สถานที่จัดงานอีเวนท์ของ Apple ในปี 2014
ผลิตภัณฑ์แรกที่ไม่น่าจะผิดคาดแต่ประการใดนั่นคือ iPhone 6 สินค้าที่หลายคนจ้องจับตามองและรอคอยมาเกือบ 1 ปี ซึ่งจากการคาดการณ์โดยเหล่านักวิเคราะห์, สื่อสารมวลชนในต่างประเทศ ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน ทำให้เชื่อว่าในปี 2014 Apple จะเปิดตัว iPhone 6 ใน 2 ขนาด ได้แก่ 4.7 และ 5.5 นิ้ว แต่การปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่อาจตามด้วยค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น นั่นแปลว่าราคาที่ผู้บริโภคจะต้องจ่ายเพื่อแลกกับ iPhone 6 จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ในแง่ของการดีไซน์เป็นสิ่งแรกที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนสำหรับ iPhone 6 ซึ่งจากภาพหลุดต่างๆนาๆที่เห็นตามโลกออนไลน์ จะสังเกตว่าขอบตัวเครื่องมีความโค้งมนมากขึ้น และโดยความรู้สึกส่วนตัวมองว่ามีความคล้ายกับ “iPad Air” ย่อส่วนอยู่บ้าง แต่พอถึงวันงานเปิดตัวจริงก็อาจเป็นไปได้ว่าดีไซน์ iPhone 6 จะแตกต่างไปจากภาพหลุด
ด้านการหยิบจับใช้งานเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึง เนื่องจาก Apple ให้ความสำคัญอย่างมากกับการใช้ iPhone ด้วย “มือเดียว” ซึ่งการปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นจะลดความสะดวกสบายจากลักษณะนิสัยการใช้งานดังกล่าวลงไปมากน้อยเพียงใด แต่อย่างไรก็ดีกลับมีพนักงาน Apple สองรายที่ไม่เปิดชื่ออ้างว่า “จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในการออกแบบส่วนติดต่อกับผู้ใช้ iPhone ซึ่งเป็นการช่วยให้ผู้คนสามารถพิมพ์หรือเลือกใช้แอพพลิเคชันด้วยมือเดียวได้”
ถัดจากการเปิดตัว iPhone 6 อาจต่อด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งแรกของ Apple แล้วเพราะเหตุใดจึงคิดว่าจะมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดตัวตามมา อันเนื่องมาจากสโลแกนในบัตรเชิญร่วมงานเปิดตัวหนล่าสุด “Wish we could say more.” ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์สวมใส่ประเภท Smartwatch จะถือกำเนินขึ้นครั้งแรกบนเวที Flint Center for the Performing Arts ซึ่งมีการเรียกชื่อไปก่อนล่วงหน้าแล้วว่ามันคือ “iWatch”
ด้วยการพัฒนาครั้งนี้ Apple ใช้เงินทุนมหาศาลและเวลาในการออกแบบกับ iWatch อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องหน้าจอแสดงผลที่มีความยืดหยุ่นภายใต้กระจกหน้าจอแซฟไฟร์, แผงวงจร, ชิปประมวลผล, เซนเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ที่อาจมากับเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย
ในฝั่งซอฟต์แวร์ของ iWatch จะนำประโยนช์ของ HealthKit หนึ่งในซอฟต์แวร์ที่มากับ iOS 8 สำหรับการจัดเก็บข้อมูลสุขภาพส่วนตัวของผู้ใช้ ขณะเดียวกันการเชื่อมต่อกับ iPhone อาจใช้เทคโนโลยี NFC เข้ามามีส่วนช่วยในการรับส่งข้อมูลในระยะทางอันสั้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง Apple อาจทำบางอย่างกับ iWatch ที่เหนือจากการคาดหมายในระยะนี้ก็เป็นได้
อีกหนึ่งสนามที่ Apple จะกระโดดเข้ามามรส่วนร่วมนั่นคือ ธุรกิจชำระเงินออนไลน์ด้วยผลิตภัณฑ์พกพา ซึ่ง Apple ตกเป็นข่าวว่าได้ร่วมมือกับ American Express, MasterCard และ Visa เพื่อพัฒนาระบบชำระเงินแล้วด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายเชื่อมั่นว่าการก้าวเข้าสู่โลกของการชำระเงินนี้ จะเป็นสิ่งที่แตกต่างมากกว่าที่เราเคยพบมา
อย่างไรก็ตามมีการประเมินจากนักวิเคราะห์ในฝั่งต่างประเทศว่า ในปีนี้ Apple อาจประสบปัญหาการสร้างผลกำไรจาก iPhone 6 เนื่องจากความอิ่มตัวของตลาดสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ซึ่งอาจเป็นตัวชะลอในการสร้างผลกำไรให้กับ Apple
นอกจากนี้บริษัทวิจัย IDC ยังประเมินว่าการมาของ iPhone 6 หน้าจอใหญ่จะส่งผลให้ผู้ผลิตมีการจัดส่งแฟ็บเล็ตออกสู่ตลาดสมาร์ตโฟนมากยิ่งขึ้น ขณะที่นาย Tim Bajarin คอลัมนิสต์ ด้านเทคโนโลยีชาวอเมริกัน มั่นใจว่ากลยุทธ์ของ Apple ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ประเภทสวมใส่จะกลายเป็นแหล่งที่มาของกำไรให้กับ Apple เพราะเขาเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจจาก บรรดาผู้ที่ชื่นชอบแก็ดเจ็ตที่มีคุณสมบัติด้านการให้ข้อมูลสุขภาพ
สุดท้ายแล้วสิ่งที่หลายคนคาดหวังและรอคอยที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของ iPhone หรือผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่สุดท้าทายอย่าง iWatch จะสมหวังกันหรือไม่ Apple จะให้คำตอบหลังวันที่ 9 กันยายนนี้ เป็นต้นไปครับ
ที่มา Nytimes