นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วย ดร.นิภา โสภาสัมฤทธิ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การปรับปรุงระบบไฟฟ้าและบริหารจัดการพลังงาน ระหว่าง การไฟฟ้านครหลวง กับ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยมี คณะผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ห้องประชุม อาคารคณะศิลปวิจิตร ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
ผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า MEA การไฟฟ้านครหลวงในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ มีความมุ่งมั่น ในการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการใช้พลังงานสะอาด ลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าในสถานที่ราชการ โดยส่งเสริมการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Cell และ Solar Rooftop นั้น การไฟฟ้านครหลวงได้ร่วมมือกับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ในการปรับปรุงระบบไฟฟ้าและบริหารจัดการพลังงานภายในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เพื่อให้สอดคล้องกับ การมุ่งสู่การเป็นสถาบันสีเขียว (Sustainable Green Institute) โดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ด้วยการอนุรักษ์พลังงาน (Energy conservation) และบริหารจัดการพลังงาน (Energy management) ใช้พลังงานสะอาด (Clean energy) และพลังงานทดแทน (Renewable energy), สนับสนุนให้ใช้รถพลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การกักเก็บพลังงาน การจ่ายพลังงานและการบริหารจัดการการใช้พลังงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพสู่การเป็น Smart Micro Grid เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานในอนาคต
โดยการไฟฟ้านครหลวงได้ส่งเสริม สนับสนุนการปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับแผนแม่บทของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เพื่อเป็น Landmarks Art แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร รวมถึงการสนับสนุนสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ติดตั้ง Solar Rooftop และระบบบริหารจัดการพลังงานให้แก่สถาบันและหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศซึ่งจะเป็นการช่วยให้สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ประหยัดค่าไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ มุ่งสู่การเป็นสถาบันสีเขียว (Sustainable Green Institute) และตอบสนองนโยบายของรัฐบาลได้อีกด้วย
ในปีนี้ การไฟฟ้านครหลวง ได้ให้บริการติดตั้งระบบพลังงานทดแทนและบริหารจัดการพลังงานให้แก่หน่วยงานภาครัฐตามตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี รวม 11 แห่ง มีกำลังผลิตติดตั้งรวม 17 MWp ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลประมาณ 21,270,000.00 kWh/ปี คิดเป็นการลดคาร์บอนไดออกไซด์ลง 11,900 tonCo2/ปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นสัก 680,000 ต้น
อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวว่า สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ในฐานะสถาบันการศึกษาสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มีภารกิจในการจัดการศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับพื้นฐานวิชาชีพถึงวิชาชีพชั้นสูงจนถึงระดับปริญญาเอกด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ คีตศิลป์ ช่างศิลป์และทัศนศิลป์ ทั้งไทยและสากล รวมทั้งศิลปวัฒนธรรมระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ทำการสอน ทำการแสดง ทำการวิจัย และให้บริการทางวิชาการ ตลอดจนส่งเสริม สืบสาน สร้างสรรค์ ทะนุบำรุงและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ และศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายของชุมชน ในท้องถิ่น ในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาครัฐวิสาหกิจในครั้งนี้ มีสาระสำคัญ คือ
1) เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และให้ความร่วมมือระหว่างการไฟฟ้านครหลวง และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) โดยรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อต่อสู้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบที่เกิดขึ้น
2) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาไปสู่การบริหาร จัดการพลังงานอย่างครบวงจร
โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มีหน้าที่สร้างความร่วมมือในการสนับสนุนการให้บริการของอาคารพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย (MEA SPARK) ให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับทุกคน ทั้งด้านประวัติศาสตร์การไฟฟ้า เทคโนโลยีไฟฟ้า และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยให้แก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งเสริมการออกแบบ ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ การออกแบบตกแต่งอุปกรณ์ภายในพื้นที่ระบบจำหน่ายไฟฟ้าด้วยงานจิตรกรรม และศิลปะไทยให้แก่การไฟฟ้านครหลวง เพื่อส่งเสริมด้านภาพลักษณ์และการบริการ
#MOU #Solar
#สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
#MEA #การไฟฟ้านครหลวง
#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร