มันเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1989 โดย Joseph Popp บิดาแห่ง Ransomware การโจมตีนี้ถูกเรียกว่า AIDS Trojan โดย Popp ได้กำหนดเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ซึ่งในยุคที่ Personal computer และอินเทอร์เน็ตกำลังเฟื่องฟู เขาได้แจกดิสก์ที่ติดเชื้อไวรัสกว่า 20,000 แผ่นให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมโรคเอดส์ขององค์การอนามัยโลก
เมื่อฟล็อปปี้ดิสก์ ถูกใส่เข้าในคอม ไวรัสก็จะถูกโหลดเข้าไปอย่างเงียบ ๆ และจะเริ่มทำงานโดยการนับจำนวนของการบูสเครื่อง
และเมื่อถึง 90 ครั้ง โปรแกรมจะซ่อนไดเร็กทอรีและเข้ารหัสหรือล็อกชื่อไฟล์ในไดรฟ์ C ทั้งหมด หากต้องการเข้าถึงการใช้งานอีกครั้ง ผู้ใช้จะต้องส่งเงิน 189 ดอลลาร์ไปยัง PC Cyborg Corporation ที่ตู้ปณ. ในปานามา แต่ไม่มีข้อมูลว่ามีคนรับ
แม้ว่าตัวมัลแวร์เองจะอ่อนแอและถอดออกได้ง่ายด้วยซอฟต์แวร์ถอดรหัส แต่การโจมตีดังกล่าวได้สร้างเวทีสำคัญ สำหรับการโจมตีของแรนซัมแวร์และไวรัสมานานกว่า 22 ปี ซึ่งในปัจจุบัน Ransomware ก็ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ ๆ ออกมามากขึ้น และสร้างผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในหลายประเทศ สิ่งนี้ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล
สิ่งน่ากลัวมาก ๆ ในปัจจุบันคือ แรนซัมแวร์ได้พัฒนาจนแฮกเกอร์ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านอีกต่อไป แค่นั่งอยู่บ้าน ก็หาเงินได้ง่าย ๆ
ที่มาข้อมูล
https://www.sdxcentral.com/security/definitions/what-is-ransomware/case-study-aids-trojan-ransomware/