AWS Local Zone ที่มีแผนเตรียมจะให้บริการนี้จะเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ (Latency) กับอุปกรณ์ Edge กับคลาวด์ให้เร็วขึ้นเหลือเพียงหลักหน่วยของมิลลิวินาที (single-digit millisecond)
AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ ที่จะพร้อมใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็นการเพิ่มเติมจาก AWS Local Zones ทั้ง 16 แห่งที่มีอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา และอีก 32 แห่ง ที่มีแผนจะเปิดตัวใน 25 ประเทศทั่วโลก ทำให้เข้าถึงผู้ใช้ปลายทางจำนวนหลายร้อยล้านคน
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. ประกาศแผนเตรียมเพิ่มบริการใหม่ที่มีชื่อว่า AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ AWS Local Zone ดังกล่าวเป็นการต่อยอดบริการด้านการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ Edge กับคลาวด์ ที่มีให้บริการในประเทศไทยก่อนหน้านี้ ซึ่งได้แก่ Amazon Cloudfront และ AWS Outposts AWS Local Zone แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เป็นส่วนหนึ่งของ AWS Local Zone ที่มีอยู่แล้ว 16 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกาและอีก 32 แห่งที่วางแผนจะเปิดตัวใน 25 ประเทศทั่วโลกเริ่มในปี 2565 ซึ่งมอบประสิทธิภาพ latency ในหลักหน่วยของมิลลิวินาที (single-digit millisecond) ที่ Edge ของคลาวด์ให้กับผู้คนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
AWS Local Zones คือประเภทของการบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่นำการประมวลผล จัดเก็บข้อมูล ดาต้าเบส และบริการอื่น ๆ ของ AWS ที่ประมวลผลบนคลาวด์มาไว้ใกล้กับต้นทางข้อมูลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บริการใกล้กับประชากร, ภาคอุตสาหกรรมและ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศขนาดใหญ่ต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อจากผู้ใช้ปลายทางหรือศูนย์ข้อมูลแบบ on-premises ไปยังคลาวด์โดยมี latency (ความเร็วของการรับและส่งกลับของข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง) เพียงหลักหน่วยของมิลลิวินาที (single-digit millisecond) AWS Local Zones ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้บริการหลักของ AWS ได้ในพื้นที่ต่าง ๆ ในขณะที่ยังเชื่อมต่อกับงาน (workloads) ส่วนอื่นๆ ที่เรียกใช้อยู่ใน AWS Regions ได้อย่างราบรื่น โดยยังสามารถปรับขนาดตามความต้องการ คิดราคาตามการใช้งาน (pay-as-you-go) มีส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (application programming interfaces: API) และชุดเครื่องมือต่างๆบนคลาวด์ได้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS Local Zones โปรดเข้าไปที่ aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure/localzones
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มีการใช้งานแอปพลิเคชันโดยเรียกใช้งานจาก AWS Regions ที่มีความต้องการในเรื่อง latency ที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการ latency ที่ต่ำมาก ๆ โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการให้โครงสร้างพื้นฐานของ AWS ใกล้กับผู้ใช้ปลายทางหรือศูนย์ข้อมูลแบบ on-premises ยิ่งขึ้นเพื่อรองรับประสบการณ์ที่ราบรื่น บริการ AWS Local Zones นี้จะช่วยให้ลูกค้าของ AWS ในประเทศไทย ที่สร้างแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น การเล่นเกมแบบเรียลไทม์จากระยะไกล การสร้างคอนเทนต์สื่อและความบันเทิง การสตรีมถ่ายทอดสด การจำลองทางวิศวกรรม เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) การแปลผลแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) ที่ Edge และอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถมอบประสิทธิภาพความเร็วในหลักหน่วยของมิลลิวินาที (single-digit millisecond) แก่ผู้ใช้ปลายทางของพวกเขา AWS จัดการและให้บริการ Local Zones ซึ่งหมายความว่าลูกค้าในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายและความพยายามในการจัดซื้อ ดำเนินการ ตลอดจนบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำ นอกจากนี้ AWS Local Zones ยังช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการเก็บข้อมูลอยู่ในประเทศไทย สามารถใช้งานแบบไฮบริดโดยเรียกใช้แอปพลิเคชันบางส่วนในศูนย์ข้อมูลแบบ on-premises และเชื่อมต่อกับคลาวด์ของ AWS ได้อย่างราบรื่น โดยมี latency ที่ต่ำมาก ๆ และยังสามารถใช้บริการ APIs และเครื่องมือของ AWSบนคลาวด์ ที่คุ้นเคยได้อย่างราบรื่น ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับ AWS Local Zones ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือใช้ AWS Direct Connect ซึ่งเป็นบริการบนคลาวด์ที่เชื่อมระหว่างเครือข่ายขององค์กรถึง AWS โดยตรง เพื่อมอบประสิทธิภาพที่ทั้ง มั่นคงสม่ำเสมอ ปลอดภัย และมี ประสิทธิภาพของการได้รับ latency ที่ต่ำ โดยการเชื่อมโยงเส้นทางการรับส่งข้อมูลที่เป็นเครือข่าย AWS เฉพาะส่วนตัว (private network)
“เราทราบดีว่าการสร้างแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำมากเพื่อประสบการณ์ที่ราบรื่นของผู้ใช้งานมีความสำคัญในทุกธุรกิจและอุตสาหกรรม ดังนั้นเราจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะทำให้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ Edge กับคลาวด์ เข้าไปใกล้ลูกค้าในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อช่วยตอบสนองต่อความต้องการนี้” วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ AWS ประจำประเทศไทย กล่าว “AWS Local Zones จะช่วยให้กับองค์กรภาครัฐและเอกชน สตาร์ทอัพที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม และพันธมิตรของ AWS สามารถสร้างแอปพลิเคชันชั้นนำรุ่นใหม่ที่มี latency ต่ำให้กับผู้ใช้ปลายทาง โดยได้ประโยชน์จากการประหยัดต้นทุน ความสามารถในการปรับขนาด และความพร้อมใช้งานสูงที่ AWS Local Zone ใหม่นี้เป็นการขยายบริการต่อเนื่องของเราเพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกประเภทและมุ่งมั่นที่จะเร่งสร้างนวัตกรรมในประเทศไทย”
Bitkub.com เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย ที่มีลูกค้ากว่า 1.7 ล้านราย ซึ่งใช้งานโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมดบน AWS เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับขนาด ความน่าเชื่อถือ การรักษาความปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย “เรารู้สึกตื่นเต้นสำหรับการประกาศถึง AWS Local Zone ซึ่งจะทำให้บริการคลาวด์ได้ใกล้ชิดกับทีมนักพัฒนาและลูกค้าของเราในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น” ภูวดล โพธิทอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าว “การเข้าถึงบริการต่าง ๆ ที่มี latency ต่ำ และความสามารถในการเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่นกับแอปพลิเคชันที่เหลือของเราที่ใช้งานอยู่ใน AWS Regions จะช่วยพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าและช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น”
ดร.วิชญ์ เนียรนาทตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลิเทค จำกัด (DailiTech) พันธมิตรที่ปรึกษาขั้นสูงของ AWS (AWS Advanced Consulting Partner) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งเริ่มธุรกิจบนระบบคลาวด์และทำงานร่วมกับ AWS มาตั้งแต่ปี 2557 กล่าวว่า “แผนการที่จะมี AWS Local Zone ในประเทศไทยนับเป็นอีกก้าวหนึ่งในความมุ่งมั่นของ AWS ในการช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นเข้าถึงโซลูชันคลาวด์ได้ทั้งแบบสาธารณะและไฮบริด AWS และ DailiTech ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการให้กับลูกค้า อย่างเช่น ผู้ให้บริการพลังงานที่ยั่งยืน อย่างเช่น กลุ่มบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (Global Power Synergy Public Company Ltd.) เป็นต้น การขยายบริการเพื่อเชื่อมต่อระหว่าง Edge กับคลาวด์อย่างต่อเนื่องของ AWS ในประเทศไทยจะนำพาพลังความสามารถของระบบคลาวด์ เช่น Internet of Things (IoT) เข้ามาใกล้ชิดกับองค์กรต่าง ๆ ของไทยมากยิ่งขึ้น ทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นที่จะเปลี่ยนแปลงและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับลูกค้าด้านพลังงาน โทรคมนาคม ธนาคาร และการผลิตด้วยแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำมาก ๆ ในระบบคลาวด์”
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTT Oil and Retail Business Public Company Limited: OR) เป็นบริษัท Flagship ของกลุ่ม ปตท. ที่ดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก “ในปี 2564 OR ได้เริ่มย้ายระบบ Loyalty Management System และ Bluecard ขึ้นมาอยู่บน AWS เนื่องจากบริษัทฯ มุ่งเน้นการวางมาตรฐานและการรักษาความปลอดภัย สิ่งนี้ช่วยให้ OR สามารถลดเวลาในการพัฒนาระบบงาน หรือ แอปพลิเคชันใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของเราที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับความคล่องตัวที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น” ไชยวุธ จาตุรงคกุล ผู้จัดการแผนกปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศของ OR กล่าว “ด้วยการที่ AWS ประกาศการแผนการนำ AWS Local Zone มายังประเทศไทย เราสามารถเลือกย้ายระบบงานปัจจุบันของเราไปยังโครงสร้างพื้นฐานใหม่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของ latency ในขณะที่เชื่อมต่อกลับไปยังระบบอื่นๆ ของเราที่ยังคงอยู่ในศูนย์ข้อมูลของ OR ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้เราสามารถปลดล็อกความซับซ้อน เร่งการโยกย้ายไปยังคลาวด์ และพัฒนาให้ทันสมัยได้บน AWS”
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์และให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนควบคุมดูแลให้การซื้อขายหลักทรัพย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระเบียบ คล่องตัวและยุติธรรม “บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด บริษัทในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยใช้บริการคลาวด์ของ AWS ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผล การเก็บข้อมูล เพื่อรองรับ Settrade Streaming ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันซื้อขายหลักทรัพย์บนมือถือ ปัจจุบันมีฐานผู้ใช้บริการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นกว่า 80% มาตั้งแต่ปี 2562 สำหรับบริการ AWS ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และมีความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน” นายถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าว “เชื่อว่าแผนการเพิ่ม AWS Local Zone แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ จะช่วยลดเรื่องของ latency ในการให้บริการและเพิ่มเสถียรภาพในการเชื่อมต่อ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถส่งข้อมูลส่งถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย”