EOS VR System ชวนสัมผัสมุมมองใหม่เหนือจินตนาการไปกับภาพเสมือนจริงแบบ 180 องศา ระดับพรีเมียม ถ่ายทำสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย
แคนนอน เปิดตัว EOS VR System นวัตกรรมการถ่ายทำวิดีโอเสมือนจริง (VR)
ที่โดดเด่นด้วยภาพพรีเมียมระดับ 8K ตอบรับความต้องการของตลาดการผลิตวิดีโอรูปแบบ VR ที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสื่อบันเทิง การท่องเที่ยว และด้านการศึกษา ตลอดจนเพื่อถ่ายทอดภาพในจินตนาการของผู้บริโภคให้ออกมาในรูปแบบที่เสมือนจริงมากที่สุดและเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยได้พัฒนาเลนส์เพื่องาน VR คุณภาพสูงโดยเฉพาะ RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye เพื่อมาใช้งานร่วมกับกล้องมิเรอร์เลส[1] และซอฟต์แวร์ EOS VR Utility และ EOS VR Plugin ที่ออกแบบมาเพื่อให้เวิร์คโฟลว์การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยพร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
นายนิฐิวัฒน์ วัจนวรานันท์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี VR เป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยแคนนอนเล็งเห็นแนวโน้มตลาดที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องของเทคโนโลยี VR จึงได้นำเทคโนโลยีออปติคัลที่ใช้สำหรับการพัฒนาและผลิตระบบกล้องเลนส์แบบเปลี่ยนเลนส์ได้ของ EOS มาพัฒนาต่อยอดเป็น EOS VR System ให้วิดีโอ VR คุณภาพระดับพรีเมียม จากเลนส์คุณภาพสูง รวมถึงซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่จะช่วยให้การทำงานง่ายดายยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่มีความหลากหลายและมีความต้องการใช้งานที่มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลอิมเมจจิ้งโซลูชั่นระดับโลกของแคนนอนที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมอันล้ำสมัยเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ และอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น
สำหรับเทคโนโลยี VR ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทในขณะนี้ ซึ่งนอกจากจะสามารถส่งมอบมุมมองใหม่ที่น่าตื่นตาแล้วยังสามารถช่วยประกอบการตัดสินใจให้กับผู้บริโภคได้ด้วย ทำให้อุตสาหกรรมมากมายต่างนำประโยชน์ของ VR มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ อาทิ การทำสื่อบันเทิงให้มีมิติขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม เช่น การจัดคอนเสิร์ตหรือแฟนมีท ในรูปแบบ VR การนำเสนอสถานที่ท่องที่ยวต่างๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการนำเสนอสินค้าเสมือนจริงให้ผู้บริโภคได้เห็นโดยไม่ต้องเดินทางไปหน้าร้านของอุตสาหกรรมค้าปลีก การสร้างเกมให้มีความเสมือนจริงเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกร่วมไปกับเกมมากขึ้น ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ช่วยจำลองการขับขี่รถ วงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้ลูกค้าสามารถชมภาพบ้านหรือคอนโดได้เสมือนจริง ตลอดจนการใช้ในการสร้างสื่อการเรียนรู้เสมือนจริงเพื่อพัฒนางานด้านการศึกษาให้มีประสิทธิภาพขึ้น
เลนส์ที่รองรับการถ่ายวิดีโอ Virtual Reality ระดับพรีเมียม ให้ภาพ 3D ถึง 180 องศา[2]
เลนส์ RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye รุ่นใหม่นี้ เป็นเลนส์เมาท์ RF ที่ใช้เลนส์ฟิชอายสองชิ้น ที่สร้าง Parallax Effect ซึ่งใช้ในการสร้างภาพ VR แบบ 3D ได้ถึง 180 องศา เมื่องานร่วมกับกล้องมิเรอร์เลส EOS R5 จะทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงพิเศษระดับ 8K[3] เพิ่มอรรถรสให้กับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น แม้เป็นภาพย้อนแสง ด้วยเทคโนโลยีการเคลือบเลนส์แบบพิเศษ
มอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การถ่ายทำไปจนถึงงานโพสต์โปรดักชัน
เลนส์ RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye จะทำหน้าที่เสมือน “ดวงตา” ในการรับแสงเข้าสู่เซนเซอร์รับภาพ CMOS ของกล้อง จึงช่วยลดขั้นตอนการถ่าย VR แบบเดิมบางส่วนลง เช่น การจัดตำแหน่งของกล้องให้ตรงกันก่อนถ่ายทำ หรือการซิงค์ภาพให้ตรงกันในขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกแปลงวิดีโอเป็นรูปแบบ VR ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางอย่าง EOS VR Utility[4] หรือใช้ EOS VR Plugin สำหรับใช้งานร่วมกับ Adobe Premiere Pro4,[5] ในกระบวนการโพสต์โปรดักชัน
ชื่อผลิตภัณฑ์ | ราคาจำหน่าย | วันที่วางจำหน่าย |
RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye | จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง | เดือนธันวาคม 2564 |
EOS VR Utility | เป็นบริการที่ต้องสมัครสมาชิก4 | เดือนธันวาคม 2564 |
EOS VR Plugin for Adobe Premiere Pro | เดือนธันวาคม 2564 |
คุณสมบัติหลักของเลนส์ RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye
- บันทึกวิดีโอ VR แบบ 3D ได้ถึง 180 องศา ด้วยเลนส์ L-lens คุณภาพสูง
- ใช้เลนส์ฟิชอาย 2 ชิ้น โดยเลนส์นี้สามารถจับบันทึกวิดีโอ VR แบบ 3D ได้ 180 องศา โดยใช้หลักการเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุตามตำแหน่งที่ผู้มองเปลี่ยนไป (parallax) ระหว่างภาพด้านซ้ายและด้านขวา
- ฟุตเทจของ VR แบบ 180 องศา จะมีระยะการมองเห็นครึ่งหนึ่งของฟุตเทจ 360 องศา ซึ่งช่วยลดขนาดของไฟล์ลงและสร้างฟุตเทจที่มีความละเอียดสูง เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ และการสร้างภาพให้สมจริงที่สุด นอกจากนี้
ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายทำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีภาพตัวผู้ใช้งานรวมอยู่ในเฟรมภาพ - เป็นเลนส์ในตระกูล L (Luxury) ของแคนนอนที่ออกแบบและสร้างขึ้นตามมาตรฐานสูงสุดในทุกด้าน
ทั้งประสิทธิภาพ การใช้งาน และความทนทาน รวมถึงให้ภาพสว่าง และคุณภาพสูง ด้วยรูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.8 - ให้ภาพคุณภาพสูง ด้วยระบบ Short Back Focus ของเมาท์ RF ทำงานควบคู่ไปกับการจัดวางองค์ประกอบของชิ้นเลนส์ภายใน โดยเลนส์ฟิชอายแต่ละชิ้นจะมีการวางตำแหน่งชิ้นเลนส์ UD[6] ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการวางองค์ประกอบชิ้นเลนส์ภายในนี้ ยังถูกจัดวางโดยคำนึงถึงการช่วยปรับการหักเหของแสงให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ Parallax Effect ที่เป็นธรรมชาติ ที่ระยะภาพ 60 มม.
- ชิ้นเลนส์ทั้งซ้ายและขวา ติดตั้งไดอะแฟรมแม่เหล็กไฟฟ้า (EMD: Electro-magnetic Diaphragm) เพื่อใช้ในการควบคุมเส้นผ่านศูนย์กลางของรูรับแสงด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
- มาพร้อมตัวยึดฟิลเตอร์เจลาติน เพื่อให้สามารถใส่ฟิลเตอร์ ND ได้ ทำให้สามารถควบคุมความสว่างของภาพได้แม้ในระหว่างการถ่ายภาพกลางแจ้งตอนกลางวันและในสถานการณ์อื่นๆที่มีคอนทราสต์สูง ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงกว่าที่ต้องการ จึงมั่นใจได้ว่าการถ่ายวิดีโอนั้นจะเป็นไปอย่างราบรื่น
- การซีลป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ[7] บนเมาท์และวงแหวนโฟกัส
- ใช้การเคลือบชิ้นเลนส์แบบ SWC (Subwavelength Structure Coating) ซึ่งเป็นสารเคลือบชนิดพิเศษ มีโครงสร้างเป็นรูปลิ่มจำนวนมากขนาดนาโนซึ่งเล็กกว่าความยาวคลื่นของแสงที่มองเห็น โดยจัดเรียงไว้บนส่วนเว้าของชิ้นเลนส์ส่วนหน้าสุดเพื่อควบคุมการสะท้อนแสงภายใน ซึ่งจะช่วยลดการเกิดแสงหลอกที่เป็นแสงสะท้อนในภาพ นอกจากนี้เลนส์ที่ใช้สำหรับการถ่ายวิดีโอ VR มักจะมีมุมตกกระทบที่ใหญ่กว่า ซึ่งการเคลือบผิวแบบนี้จะช่วยให้สามารถถ่ายภาพในสภาวะย้อนแสงได้ง่ายขึ้น
- ถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงด้วยกล้องมิเรอร์เลส EOS R5 ที่รองรับความละเอียด 8K
- การใช้เลนส์รุ่นนี้ควบคู่กับกล้อง EOS R5 ทำให้ได้ภาพฟุตเทจวิดีโอ VR แบบ 180 องศา ที่มีความละเอียดสูง 8K ให้ความรู้สึกเพลิดเพลิน สมจริงในการรับชมยิ่งขึ้น
- ด้วยรูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.8 ของเลนส์ ร่วมกับเซนเซอร์ CMOS ความไวสูง พร้อมความสามารถในการประมวลผลสัญญาณรบกวนอันทรงพลังของชิปประมวลผลภาพ DIGIC X ในกล้อง EOS R5 ทำให้ได้ฟุตเทจคุณภาพสูงแม้ถ่ายทำในสถานที่ที่มีแสงน้อยหรือฉากที่ต้องลดแสงลงเพื่อการถ่ายทำที่สวยงาม
- ขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ ตั้งแต่การถ่ายทำ จนขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน
- เซนเซอร์รับภาพ CMOS ของกล้องสามารถบันทึกภาพจากแสงที่เข้าสู่ “ดวงตา” ของเลนส์ทั้ง 2 ข้างได้พร้อมๆ กัน ซึ่งช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการจัดตำแหน่งและซิงค์กล้องก่อนถ่ายทำหรือต่อภาพเข้าด้วยกันตอนโพสต์โปรดักชันตามวิธีการแบบดั้งเดิม
- สำหรับการควบคุมการถ่ายภาพจากระยะไกล (Remote Shooting) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการถ่ายวิดีโอ VR ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ EOS Utility[8] ซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับปรับการตั้งค่ากล้องและถ่ายโอนรูปภาพผ่านคอมพิวเตอร์ หรือเลือกใช้แอปพลิเคชัน Camera Connect[9] เพื่อช่วยในการตรวจสอบภาพและเปลี่ยนการตั้งค่ากล้องผ่านสมาร์ทโฟน
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ 2 ซอฟต์แวร์เฉพาะทาง
เพื่อให้ผู้ชมสามารถดูฟุตเทจ VR แบบ 3D ได้บนจอแสดงผลแบบสวมศีรษะ (HMD: Head-Mounted Display) จะต้องมีการแปลงไฟล์ฟุตเทจที่ถ่ายมาให้เป็นไฟล์ VR ก่อน โดยขั้นตอนการถ่ายทำภาพ VR จะมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ การถ่ายภาพ การตรวจสอบ การแก้ไขปรับแต่ง และการแปลงไฟล์
ระบบการถ่ายวิดีโอ VR ของแคนนอนจะบันทึกภาพด้วยการใช้กล้องเพียงตัวเดียว (ที่มีเซนเซอร์รับภาพ CMOS เพียงชิ้นเดียว) ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่เกิดขึ้นเมื่อถ่ายด้วยระบบดั้งเดิมที่ใช้กล้อง 2 ตัว เช่น การจัดตำแหน่งและการซิงโครไนซ์การตั้งค่าของกล้องด้านซ้ายและขวาก่อนการถ่ายทำ โดยในระบบนี้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทำการต่อ (stich) ฟุตเทจก่อนแปลงไฟล์อีกต่อไป นอกจากนี้เมื่อผู้ใช้งานทำการแปลงไฟล์ ไม่ว่าจะด้วยซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ EOS VR Utility หรือใช้ EOS VR Plugin สำหรับ Adobe Premiere Pro ซอฟแวร์ดังกล่าวจะทำการปรับภาพให้ตรงและแก้ไขภาพซ้อนให้อัตโนมัติระหว่างการแปลงไฟล์ ทำให้กระบวกการทำงานกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ซอฟต์แวร์สำหรับแปลงไฟล์ทั้ง 2 ซอฟต์แวร์นี้ รองรับการแปลงภาพให้เป็นภาพมุม 360×160องศา – equirectangular projection ซึ่งเป็นฟอร์แมตมาตรฐานของ VR โดย EOS VR Utility นั้นรองรับการแปลงภาพและตัดต่อภายหลัง จึงทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนคุณภาพของวิดีโอและรูปแบบไฟล์การทำงานในส่วนของโพสต์โปรเซส และการแสดงผล ในขณะที่ EOS VR Plugin จะช่วยให้สามารถทำการแปลงไฟล์และตัดต่อภายหลังได้ด้วยซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอ Adobe Premiere Pro
■ EOS VR Utility (มีค่าบริการ)
- ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถแปลงภาพเป็นภาพมุม 360×160องศา – equirectangular projection (ตามมาตรฐานภาพ VR) และสามารถทำการแก้ไขเบื้องต้นได้
- รองรับการสลับระหว่างภาพหรือฟุตเทจที่ถ่ายด้วยเลนส์ซ้ายและขวา พร้อมรองรับการสลับระหว่างการแสดงภาพแบบฟิชอายวงกลม (circular fisheye) และภาพมุม 360×160องศา (equirectangular projection)
- รองรับการแก้ไขภาพที่ถูกยืดและพารัลแลกซ์ (parallax) สำหรับเลนส์ที่รองรับ
- รองรับการเล่นดูภาพย้อนหลัง และการภาพ VR ที่ถูกตัดเป็น 180 องศาพื้นฐาน ได้บนจอคอมพิวเตอร์
- บันทึกวิดีโอที่ถูกบันทึกที่ความละเอียดระดับ 8K จะสามารถแปลงและบันทึกได้หลากหลายขนาด หลากหลาย file specification หรือหลากหลายฟอร์แมต
- สามารถใช้ LUT (Lookup Tables) กับวิดีโอที่บันทึกด้วย Canon Log
- รองรับการส่งออกข้อมูลไปยัง DPX (Digital Picture Exchange) และ Apple ProRes สำหรับ NLE (non-linear editing)
■ EOS VR Plugin สำหรับ Adobe Premiere Pro (มีค่าบริการ)
- ปลั๊กอินซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ สำหรับวิดีโอครีเอเตอร์ใช้โปรแกรมตัดต่อ Adobe Premiere Pro
- รองรับการสลับภาพซ้ายและขวา และการแปลงภาพเป็นภาพมุม 360×160องศา – equirectangular projection(ตามมาตรฐานภาพ VR)
- รองรับการแก้ไขภาพที่ถูกยืดและพารัลแลกซ์ (parallax) สำหรับเลนส์ที่รองรับ
ข้อมูลจำเพาะ
RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye | |
ทางยาวโฟกัส | 5.2 ม.ม. |
รูรับแสงกว้างสุด | f/2.8 |
ระยะโฟกัสใกล้สุด | 0.2 ม. |
อัตราขยายสูงสุด | 0.03x |
โครงสร้างเลนส์ | 12 ชิ้น ใน 10 กลุ่ม |
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสำหรับฟิลเตอร์ | สามารถใส่ฟิลเตอร์เจลาตินได้ที่ด้านท้ายของเลนส์ |
กลีบรูรับแสง | 7 |
การเคลือบผิวพิเศษ | Subwavelength Structure Coating |
ประเภทการแสดงผล | ภาพมุม 360×160องศา (Equidistant projection) |
IS (CIPA Standard Correction Effect) | – |
เส้นผ่าศูนย์กลางกว้างสุด, ความสูง และความยาว | ประมาณ 121.1 ม.ม. × 83.6 ม.ม. x 53.5 ม.ม. |
น้ำหนัก | ประมาณ 350 กรัม |
ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม:
สำหรับผู้ที่สนใจ และมีอุปกรณ์แสดงผลแบบสวมศีรษะ หรืออุปกรณ์แสดงภาพ VR อื่น
สามารถรับชมวิดีโอ VR ตัวอย่างได้ในลิงค์นี้ https://bit.ly/3llG2k4
RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye จะมีการจัดแสดงในงานนิทรรศการ InterBEE 2021
แคนนอนจะจัดแสดง ระบบ VR ที่บูธของแคนนอนในงาน InterBEE 2021 ซึ่งเป็นนิทรรศการสำหรับอุตสาหกรรมเสียง ภาพ และการออกอากาศ เพื่อมืออาชีพ โดยจะจัดขึ้นในรูปแบบไฮบริดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งแต่วันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2564
แนวโน้มตลาดของอุปกรณ์ถ่ายทำ VR
สำหรับตลาดของการถ่ายทำ VR นับว่ากำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสากรรมบันเทิง การศึกษา และการฝึกอบรมของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี VR ไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย อาทิ ใช้สำหรับการเล่นเกมและการท่องเที่ยวเพื่อจำลองประสบการณ์ให้สมจริง วงการอสังหาริมทรัพย์มีการใช้งานเพื่อการเยี่ยมชมห้องชุดหรือบ้านตัวอย่างแบบเสมือนจริง หรือแม้กระทั่งใช้ในการตรวจสอบไซต์งานเพื่อแนะนำขั้นตอนการทำงานแก่ผู้รับเหมา และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็มีการนำวิดีโอ VR มาใช้เผยแพร่ภาพในวงการกีฬามากขึ้นเช่นกัน จากการการวิจัยของแคนนอนพบว่า มีการเติบโตของการใช้งานเทคโนโลยี VR อย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพ VR คุณภาพสูง ทำให้แคนนอนได้คิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ที่มีความล้ำสมัย มีประสิทธิภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการในการสร้างสรรค์คอนเทนท์รูปแบบ VR ที่สูงขึ้นในยุคปัจจุบันนี้
* IOS เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Cisco Systems, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ และดำเนินงานภายใต้ใบอนุญาต
* MacOS และ iPad OS เป็นเครื่องหมายการค้าของ Apple Inc. ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
* Windows เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Microsoft Corporation ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
* YouTube และ Android เป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC
* Adobe เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Adobe (Adobe) ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
* ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์/บริการอื่นๆ ที่กล่าวถึงเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของแต่ละบริษัท
[1] กล้องที่รองรับในปัจจุบัน: EOS R5 และต้องมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ โดยจะพร้อมใช้งานตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564
[2] วิดีโอ VR ที่ให้ภาพ 180 องศา เป็นรูปแบบวิดีโอ VR ที่ใช้กันทั่วไปบนแพลตฟอร์มเผยแพร่วิดีโอ เช่น YouTube
[3] บันทึกวิดีโอฟิชอายความละเอียดระดับ 8K ไว้ในตัวกล้อง
[4] สำหรับการทดลองใช้ ภาพนิ่งและวิดีโอที่มีความยาวไม่เกิน 2 นาทีสามารถแปลงเป็นรูปแบบ VR ได้ฟรี หากต้องการใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดที่นอกเหนือจากการทดลองใช้จะต้องชำระเงินเพื่อสมัครสมาชิก สามารถใช้ได้ทั้ง Windows / macOS
[5] Plugin: คือซอฟต์แวร์ที่เพิ่มคุณสมบัติของแอปพลิเคชัน รองรับ Adobe Premiere Pro Ver. 14.5 ขึ้นไป
[6] ชิ้นเลนส์ที่ใช้กระจก UD (Ultra low Dispersion)
[7] สร้างขึ้นเพื่อป้องกันละอองน้ำ แต่ไม่สามารถป้องกันการซึมของหยดน้ำได้
[8] สามารถใช้ได้กับ Windows/ macOS โดยต้องอัปเดตเป็น Ver.3.14.30 ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564
[9] สามารถใช้ได้กับ iOS/iPad OS/Android โดยต้องอัปเดตเป็น Ver.2.8.20 ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564