ปกติหน้าที่ของเครื่องชั่งน้ำหนัก ก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ‘บอกความจริง’ …..ล้อเล่นครับ บอกน้ำหนักของผู้ใช้ผ่านตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอ ล้ำสมัยมาหน่อยก็บอกเป็นตัวเลขดิจิตอลได้ แต่วันหนึ่งเราได้พบเห็นการมาของ เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ อะไรคือ ‘อัจฉริยะ’ แล้วมันต่างกับไม่อัจฉริยะยังไง ในบทความนี้จะมาไขคำตอบกันครับ
เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะคืออะไร ?
บางคนอาจเคยได้ยินว่ามี ‘เครื่องชั่งน้ําหนักวัดไขมัน’ ที่ใช้หลักการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผ่านทางเท้า จากนั้นก็วัดความต้านทานของไขมันในร่างกาย แล้วแปรเป็นค่าไขมันให้ผู้ใช้ได้เห็น จริง ๆ นี่ก็ถือว่าเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะได้เหมือนกัน เหตุผลก็เพราะ “มันทำได้มากกว่าชั่งน้ำหนัก” และมีการคำนวนประมวลผลภายในนั้นเอง ต่างจากการใช้กลไกทางฟิสิกส์เพียงอย่างเดียวในเครื่องชั่งน้ําหนักทั่วไป
ชั่งได้มากกว่าน้ำหนัก
อย่างที่ทราบกันในหัวข้อแรก หากเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ มันจะไม่ได้วัดน้ำหนักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นอกจากน้ำหนักและไขมันแล้ว มันยังวัดอย่างอื่นได้ไหม ? คำตอบคือได้ และมีเยอะด้วย สำหรับเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะในที่นี้ก็ขอยก Amazfit Smart Scale มาเป็นตัวอย่าง ซึ่งมาพร้อมความสามารถในการวัดค่าสถานะร่างกายถึง 16 แบบ อาทิ
- Body Weight – น้ำหนักตัว
- Body Fat Rate – อัตราไขมันในร่างกาย
- Muscle Mass – มวลกล้ามเนื้อ
- Body Water Percentage – ปริมาณน้ำในร่างกาย %
- Bone Mass – มวลกระดูก
- Protein Percentage – ปริมาณโปรตีน %
- Basal Metabolism – ค่าการเผาผลาญพื้นฐาน
- Visceral Fat Grade – เกรดไขมันภายใน
- Subcutaneous Fat – ไขมันใต้ผิวหนัง
- Skeletal Muscle – ไขมันใต้ผิวหนัง
- Change of Muscle Mass – การเปลี่ยนแปลงของมวลกล้ามเนื้อ
- Physical Age – อายุทางกายภาพ
- Body Score – คะแนนร่างกาย
- Body Mass Index (BMI) – ดัชนีมวลกาย
- Ideal Body Weight – น้ำหนักตัวในอุดมคติ
- Body Type – ประเภทของร่างกาย
แทบไม่น่าเชื่อว่าเครื่องชั่งน้ำหนักเพียวตัวเดียว นอกจากการวัดน้ำหนักก็ยังมีทั้ง การวัดมวลกล้ามเนื้อกับมวลกระดูก เปอร์เซ็นต์น้ำในร่างกาย เปอร์เซ็นต์โปรตีน การเผาผลาญพื้นฐาน อายุทางกายภาพ ดัชนีมวลกาย (BMI) คะแนนร่างกาย และอื่น ๆ อีกเพียบ
ส่วนทำไมเครื่องชั่งน้ำหนักตัวเดียวถึงสามารถบอกค่าสถานะต่าง ๆ ของร่างกายได้ขนาดนี้ จริง ๆ มันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร สืบเนื่องจากเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะหลาย ๆ รุ่น จะมีการทำงานร่วมกับแอปฯ บนสมาร์ทโฟนนั้นเอง ทำให้ได้พลังการคำนวนผลจากสมาร์ทโฟน (และอินเทอร์เน็ต) จนเกิดเป็นการประมวลผลชั้นสูง แล้วออกมาเป็นผลลัพธ์ที่หลากหลาย
บันทึกผลและเก็บสถิติได้
จุดแข็งสำคัญของเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะก็คือ สามารถเก็บบันทึกสถิติต่าง ๆ ที่วัดได้อย่างถาวร เราไม่ต้องมานั่งจำข้อมูลเอง แต่ข้อมูลต่าง ๆ จะถูกเก็บไว้ และสามารถเปิดดูเมื่อไรก็ได้ จุดนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับแอปฯ ที่ทำงานร่วมกับเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ อย่างในแอปฯ Zepp ที่ช่วยแสดงผลสถานะร่างกายจากอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ทั้งสมาร์ทวอทช์และเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ โดยมันจะแสดงผลให้ดูอย่างเข้าใจง่าย พร้อมมีคำอธิบายเป็นภาษาไทย
จากค่าสถานะต่าง ๆ ที่แสดงผลในแอปฯ ก็จะสังเกตได้ถึงตัวเลข ‘คะแนนร่างกาย’ ปกติหลายคนเห็นน้ำหนักก็ว่าช็อกแล้ว ต่อไปลองมาดูคะแนนร่างกายด้วยก็ดีครับ คือหากใครใช้สมาร์ทวอทช์หรือเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ เวลาเปิดใช้งานแอปฯ เราก็ต้องกรอกรายละเอียดของร่างกายไปก่อนหน้านี้ จุดนี้ตัวแอปฯ ก็จะนำมาคำนวน เทียบกับข้อมูลสุขภาพที่ทุกคนควรมี นั้นจึงทำให้เราทราบถึงคะแนนร่างกายที่ควรมีนั้นเอง ซึ่งอาจช่วยให้เกิดแรงกระตุ้นในการดูแลสุขภาพยิ่งขึ้น ดังนั้นเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะก็เปรียบเสมือน ‘โค้ชส่วนตัว’ ได้เช่นกันครับ
แล้วครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะจำเป็นไหม ?
สุดท้ายนี้หากถามว่า เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะจำเป็นไหม ? อันนี้ก็ต้องถามก่อนว่า เราอยากมีสุขภาพที่แข็งแรงไหม อยากดูดีไหม เชื่อว่าทุกคนต้องตอบว่าอยาก ฉะนั้นส่วนนี้ก็ขอให้เป็นคำแนะนำแทน หากใครอยากได้แรงกระตุ้นและเครื่องมือที่ช่วยให้ทราบความคืบหน้า เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะจะช่วยได้มาก ซึ่งหากใช้งานร่วมกับสมาร์ทวอทช์ที่สามารถวัดการเต้นของหัวใจด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เราทราบค่าสถานะของร่างกายได้มากขึ้น และมีแรงกระตุ้นเป็นสองเท่า เช่น Amazfit Smart Scale + Amazfit Bip U นับเป็น Combo ที่น่าสนใจไม่น้อยครับ
สำหรบใครที่อยากรู้ว่า Amazfit Smart Scale มีดีอะไร ? ลองดูรีวิวได้ที่