เมื่อพูดถึงอีโมจิ (Emoji) คิดว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี และอาจจะได้ใช้มันเป็นประจำอยู่แล้ว อีโมจิเข้ามามีบทบาทในการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ทมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดมีการประกาศวันอีโมจิโลก (World Emoji Day) กันเลยทีเดียว วันนี้เราจะพาไปพบกับเรื่องราวน่าทึ่งของอีโมจิที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
1. อีโมจิ (Emoji) ถือเป็นภาษาที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์!
อีโมจิถูกจัดว่าเป็นภาษาภาพ (Visual Language) ชนิดหนึ่ง (ตัวอย่างภาษาภาพอื่นๆที่เราอาจคุ้นตากันคืออักษรเฮียโรกลิฟฟิกของอียิปต์) ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ตามที่ศาสตราจารย์ Vyv Evans แห่งมหาวิทยาลัย Bangor ได้ระบุไว้ว่า อีโมจิเป็นภาษาที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในขณะนี้ โดยดูจากอัตราการนำไปใช้ และวิวัฒนาการทางภาษา
2. การเข้ารหัสผ่านด้วยอีโมจิปลอดภัยกว่าการใช้รหัสผ่านเป็นตัวหนังสือ
จากรายงานล่าสุดของ Mic.com ระบุว่ารหัสผ่านที่ใช้อีโมจินั้นจดจำได้ง่ายกว่าตัวหนังสือ และที่สำคัญไปกว่านั้น รหัสผ่านในรูปแบบอีโมจิยังปลอดภัยกว่าการใช้ตัวหนังสือ เพราะเรามีอีโมจิถึง 700 ตัวให้เลือกมาผสมเป็นรหัสผ่าน ในขณะที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษมีแค่ 26 ตัว และตัวเลขอีก 10 ตัวเท่านั้น
3.คู่รักที่สื่อสารกันด้วยอีโมจิมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่าคู่รักที่ไม่ได้ใช้อีโมจิ
จากผลสำรวจล่าสุดของศาสตราจารย์ Vyv Evans (คนเดียวกันกับข้อแรก) พบว่าผู้คน 72% รู้สึกว่าการบอกความรู้สึกด้วยอีโมจิทำได้ง่ายกว่าตัวหนังสือ อีโมจิทำให้เราสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น และเข้าใจตรงกันมากขึ้น ..ลองนึกดูเวลาคุย Line ถ้าคุยกับคนที่ไม่ใช้สติ๊กเกอร์ ไม่ใช้อีโมจิ อีโมติค่อน หรือใช้ 5555 อะไรเลยตลอดการสนทนาจะรู้สึกว่ามันออกจะตึงๆเครียดๆนิดหน่อย และจับอารมณ์ของอีกฝ่ายยากมาก (บางทีไม่แน่ใจว่ามันแซวเล่น หรือด่าเราจริงๆ 555) นั่นจึงเป็นเหตุผลเบื้องหลังที่สนับสนุนว่าทำไมคู่รักที่ใช้อีโมจิขณะแชทกันจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่า
4. การใช้อีโมจิทำให้คุณป๊อปปูล่าร์มากขึ้นบนโลกโซเชียล
จากงานวิจัยเมื่อปี 2014 พบว่าการใช้อีโมจิที่แสดงอารมณ์ทางด้านบวกจะส่งผลดีกับโพสท์นั้นๆ ทำให้เรารู้สึกว่ากำลังคุยกับมนุษย์จริงๆ และถึงแม้จะเป็นเรื่องธุรกิจที่เป็นงานเป็นการ การใช้อีโมจิบ้างในอีเมลที่ติดต่อเรื่องงานก็ไม่ได้ทำให้ความน่าเชื่อถือของผู้ส่งลดน้อยลงแต่อย่างใด
5. การอ่านอีโมจิช่วยกระตุ้นสมอง คล้ายกับเวลาเราคุยกับมนุษย์จริงๆ
เวลาที่คุณจ้องมองไปที่อีโมจิรูปหน้ายิ้มบนจอ เซลล์ประสาทในหัวของเราจะถูกกระตุ้นคล้ายๆกับเวลาที่คุณกำลังคุยกับมนุษย์ตรงหน้าจริงๆอยู่ ด้วยเหตุนี้เองมันจึงสื่ออารมณ์ได้มากกว่าตัวหนังสือปกติ
6. คนที่ใช้อีโมจิมีแนวโน้มว่าจะมีเพศสัมพันธ์มากกว่า … เอิ่มมม
ผลของงานวิจัยชิ้นนี้มาจากเว็บไซต์หาคู่ชื่อดัง Match.com สรุปสั้นๆได้ว่าคนที่ชอบใช้อีโมจิจะมีเพศสัมพันธ์มากกว่าคนที่ไม่ใช้ ไปออกเดทมากกว่า และมีแนวโน้มอยากแต่งงานมากกว่าด้วย
7. อีโมจิกำลังจะถูกสร้างเป็นหนังใหญ่ … ห๊ะ!!
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา Sony Pictures ได้ออกมาประกาศว่าจะสร้างหนังอนิเมชั่นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอีโมจิ!! ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอะไรออกมามากมาย แต่เป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้รู้ถึงที่มาของอีโมจิแต่ละตัว อาจจะมีชื่อเรียกเฉพาะของแต่ละตัวก็เป็นได้
8. อีโมจิกำลังมีบทบาทในเรื่องของความเท่าเทียมกัน
เชื่อว่าหลายคนน่าจะสังเกตว่าระยะหลังมานี้ iOS ได้เพิ่มอีโมจิใหม่ๆเข้ามามากมาย มีทั้งอีโมจิรูปคนที่มีผิวสีต่างๆกัน สื่อถึงความเท่าเทียมกันทางด้านชาติพันธุ์ หรือแม้กระทั่งอีโมจิรูปคู่รักเพศเดียวกัน สื่อถึงความเท่าเทียมกันทางด้านความหลากหลายทางเพศนั่นเอง …เห็นหรือยังว่าอีโมจิที่ดูเหมือนไร้สาระ กลับเข้ามามีบทบาทกับเราอย่างมากโดยไม่ทันรู้ตัว 🙂