กำลังจะผ่านไปอีกปีแล้ว สำหรับปี 2021 ปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีที่เปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมากที่สุดปีหนึ่ง มีการเปิดตัวเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย หลายธุรกิจคต่างพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น การมา iPhone 12 ที่ทำไทยตื่นตัวเรื่อง 5G
ทั้งอุปกรณ์ในบ้านก็พากัน Smart ผมเริ่มสั่งเปิด-ปิดอุปกรณ์ในบ้านผ่าน Smart phone แล้ว Google หรือ Facebook รู้ว่าเราจะซื้ออะไร พร้อมแนะนำโปรให้ สิ่งเหล่านี้คือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และในปีหน้า จะมีอะไรมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราอีกบ้าง ลองมาส่องเทรนด์เทคโนโลยีในปี 2021 กันครับ
7 เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิต ในปี 2021
.
1.เทรนด์อินเทอร์เน็ตของพฤติกรรม หรือ Internet of behavior (IoB)
ด้วยการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีที่รวบรวมฝุ่นดิจิทัล (Digital Dust) ซึ่งหมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลมหาศาลในแต่ละวัน เพื่อจะทำให้เกิดการวิเคราะห์พฤติกรรมส่วนบุคคลขึ้นมาเพื่อนำข้อมูลของเราไปวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เช่น บริษัทประกันสุขภาพอาจใช้ข้อมูลในการติดตามกิจกรรมทางกายภาพเรา หากเป็นคนที่ไม่ใช้ชีวิตเสี่ยงนัก อาจนำข้อมูลดังกล่าวไปลดเบี้ยประกันให้กับคน ๆ นั้นได้ แต่ IoB มีผลกระทบทางจริยธรรมและสังคม หากจะนำมาใช้งานก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและผลลัพธ์ของการใช้งานของแต่ละบุคคล ซึ่งหมายความว่า หลายองค์กรอาจมีการขอความยินยอมจากเรามากขึ้นในหลาย ๆ ด้าน
2. Total Experience
เราจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการใช้บริการร้านค้าต่าง ๆ มากขึ้น ด้วยทุกวันนี้หลายธุรกิจต่างใช้เทคโนโลยีในการช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้า ลองนึกตัวอย่างง่าย ๆ ว่ามีร้านสองร้านที่ขายสินค้าเหมือนกัน คุณภาพเท่ากัน พนักงงานสวยเหมือนกัน แต่อีกร้านนึงดูมีความใส่ใจเรามากกว่า เราจะเลือกเข้าร้านไหน ? ก็ใช่ เราต้องเลือกเข้าร้านที่ใส่ใจเรามากกว่าอยู่แล้วเนอะ
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นคือ บริษัทโทรคมนาคมรายหนึ่งในต่างประเทศได้ปรับบริการให้มีคีออสก์ดิจิทัลที่ช่วยให้พนักงานสามารถใช้แท็บเล็ตของตนเองเพื่อเรียกดูอุปกรณ์ของลูกค้าร่วมกันโดยไม่ต้องสัมผัสกับฮาร์ดแวร์ของลูกค้าโดยตรง ผลที่เกิดขึ้นคือลูกค้าและพนักงานต่างรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นขณะที่ต้องขอรับบริการในช่วง Covid – 19 ระบาด
3.5G
หลังจากที่มีการเปิดตัว iPhone 12 เหมือนประเทศไทยจะเริ่มให้ความสำคัญกับเครือข่าย 5G มากขึ้นดูจากที่ค่ายมือถือแต่ละรายโหมโปรโมทอย่างหนัก แต่ 5G จะไม่ใช่เครือข่ายที่ใช้กับผู้ใช้ทั่วไปอย่างเดียว แต่เครือข่าย 5G ใหม่จะถูกนำมาใช้โดยหลายบริษัท เครือข่ายนี้จะถูกใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างกระบวนการซื้อและชำระเงินที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
4.More Cyberthreat
สิ่งที่ทำให้เราใช้งานสะดวก ง่าย และเร็ว อาจมาพร้อมช่องโหว่และความไม่ปลอดภัย ต้องยอมรับก่อนว่า การมาของ Covid – 19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้นหลายเท่าตัวในปีที่ผ่านมา และในไทยยังมีเคสการขโมยเงินจากบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคารแห่งหนึ่งมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากช่องโหว่ Zero – day ของแอปเอง และการขาดความรู้ การระแวดระวังตัวของผู้ใช้งานด้วยจึงทำให้เกิดความเสียหายนี้ขึ้น
แน่นอนว่าเทรนด์ในปีหน้าการโจมตีจะหนักหน่วงมาก และอยากให้คนไทยใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเองให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดการยืนยันตัวตนสองบุคคล หรือ 2FA (ถ้าแอปนั้นมี) การไม่ใช้ Password เดียวกันในแต่ละแอป (โดยเฉพาะแอปที่ใช้จ่ายเงิน ) ไม่คลิกลิ้งก์มั่ว ๆ หรือให้รหัสผ่านกับใครโดยไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อน
5. Work From Home
เทรนด์นี้จะยังคงได้รับความนิยมในปี 2564 บริษัท ด้วยเหตุผลอะไร เราคงทราบกันดี แต่สิ่งที่จะมีการพัฒนาขึ้นคือการตามงานที่โหดขึ้น (ฮ่า ๆ หยอก ๆ ) โดยองค์กรต่างๆ จะหาวิธีใหม่ ๆ ที่จะให้พนักงานทำงานให้สำเร็จขณะที่ Work From Home อยู่ แพลตฟอร์มต่าง ๆ จะถูกนำมาใช้เพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้นระหว่างพนักงานเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบสำหรับผู้จัดการ พูดง่าย ๆ คือมีแน้วโน้วว่าหลายออฟฟิสจะทำให้การทำงานที่บ้านเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่จะมีเครื่องมีตรวจสอบการทำงานที่เห็นได้ชัดมากขึ้น
6. Artificial Intelligence For Creativity
เราอาจเคยได้ยินว่า Ai อาจจะเข้ามาแทนที่งานที่ทำซ้ำ ๆ งานลูทีน หรืองานง่าย ๆ ที่ต้องการความรวดเร็ว เราเคยคิดว่ามนุษย์นั้นอาจเหนือกว่า Ai ก็ตรงที่เรามีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า แต่ในปี 2021 เราอาจเห็น Ai ที่มีความคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวเองแล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นพร้อมกับข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกป้อนเข้าสู่สมองกลในทุก ๆ วัน Ai จะฉลาดและสร้างรูปแบบชุดความคิดของตนเองขึ้นมาใหม่ สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นแล้วครั้งนี้ โดยหากย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 มีภาพวาดที่สร้างโดย AI ชิ้นแรกถูกขายไปในราคา $432,500 หากคำนวนค่าเงินบาทตอนนั้นจะมีราคาประมาณ 14 ล้านบาท
7. Wearable Technology
เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ ในเรื่องผมไม่ได้พูดถึงแค่ Smart watch เพื่อนำมาบันทึกแค่พฤติกรรมการนอนหลับหรือวัดค่าออกซิเจนของเราเท่านั้นนะครับ แต่กำลังพูดถึงอุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลการออกกำลังกายอย่างแม่นยำ เช่น บริษัทชื่อว่า Peloton มีอุปกรณ์ที่ทำให้ทุกคนไม่ต้องออกไปยิมอีกแล้ว อุปกรณ์ดังกล่าวให้เราออกกำลังกายคู่กับเทรนด์เนอร์ผ่านจอที่ติดตั้งมา พร้อมกับวัดค่าต่าง ๆ เพื่อให้เราพิชิตเป้าหมายในแต่ละวัน โดยคาดหวังจะเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายให้มากขึ้น
นี่คือ 7 เทรนด์ที่ผมคิดว่าจะมีผลกระทบต่อพวกเราโดยตรง มันจะไม่น่ากลัว หากเราได้เข้าใจและเตรียมรับมือต่อเทคโยโลยีที่จะกำลังเปลี่ยนแปลงไป
ข้อมูลจาก
https://www.aumcore.com/blog/2020/11/11/7-huge-technology-trends-you-should-know-going-into-2021/
https://www.bain.com/insights/ten-technology-trends-moving-into-2021/
https://www.gartner.com/smarterwithgartner/gartner-top-strategic-technology-trends-for-2021/