ในวันที่เงียบสงบไร้ผู้คน ได้มีสายลมอ่อนๆโชยเข้ามาในบ้าน บ้านที่เต็มไปด้วยความตระกละของชายคนหนึ่งนาม “แมมมอน” ผู้ที่กระหายความต้องการทุกอย่างที่ตนอยากได้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปและในตอนนั้นเอง ที่ทำให้แมมมอนได้พบกับอะไรบางสิ่ง ที่ทำให้ถึงกับต้องแสยะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจราวกับปีศาจก็ไม่ปาน และนั่นก็คือ”ความงดงาม”อย่างหาที่เปรียบมิได้
ความโลภ ความตระกละที่ไม่สิ้นสุด จนไม่มีสิ่งใดมาเติมเต็มได้ แต่บัดนี้ แมมมอนได้ให้ความสนใจกับความงดงามของภาพที่ถูกถ่ายโดยกล้องรุ่นเก่าอย่าง ”กล้องฟิล์ม” ทำให้เกิดความสนใจและสงสัยอย่างยิ่งว่า”ทำไมมันถึงได้งดงามเช่นนี้? ทำไมตนเองถึงไม่สามารถถ่ายให้งดงามเช่นนั้นได้ ทั้งๆที่ตนเองได้ใช้กล้อง DSLR รุ่นใหม่ล่าสุด แถมฝีมือหรือมุมมองนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าใครบนโลก” มันเป็นคำถามที่ทำให้แมมมอนไม่สบายใจอย่างมาก และด้วยความโลภที่มากมาย ทำให้เขาอยากจะครอบครองความงดงามนั้นไว้ตลอดกาล เขาถึงกับศึกษาหาวิธีการ ที่ทำให้ภาพงดงามด้วยอุปกรณ์(กล้องฟิล์ม)ที่เหมือนกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนได้บทเรียนหลายๆอย่าง
…..
…..
…..
บทเรียนแรก: ความทรงจำที่มิอาจลบเลือน
บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะใครก็ไม่สามารถลบความทรงจำได้อย่างแน่นอน เปรียบเทียบได้กับ ”กล้องฟิล์ม” ที่เมื่อไหร่ที่ได้กดชัตเตอร์ไปแล้ว ก็ไม่สามารถลบภาพที่พึ่งถ่ายออกไปได้เช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นข้อดีสำหรับคนที่มีนิสัยเสียที่เมื่อถ่ายภาพเสร็จ 1 ภาพ ก็จะต้องเปิดดูก่อนว่าภาพนี้งดงามหรือไม่ การกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้เสียจังหวะในการเก็บภาพที่งดงามอย่างที่สุดก็เป็นได้
บทเรียนที่สอง: ความโลภที่กัดกินกับความตั้งใจที่แข็งแกร่ง
อย่างที่รู้ “กล้องฟิล์ม” ไม่สามารถลบหรือดูรูปได้ ทำให้การถ่ายภาพต้องมีความตั้งใจมากยิ่งขึ้นเนื่องจากต้องคิดถึงสิ่งที่ได้และสิ่งที่เสียไปว่ามันคุ้มค่ากันหรือไม่ ไม่ใช่เอาแต่โลภมากถ่ายเอาเยอะเข้าว่าจนมีแต่รูปสั่วๆหาดีไม่ได้ ฉะนั้น การจะถ่ายภาพทุกภาพเพื่อให้ได้รูปที่งดงามดั่งที่ประสงค์ เราต้องอย่าปล่อยให้ความโลภมากัดกินจิตใจที่ตั้งใจ มิเช่นนั้นก็จะไม่มีทางได้สิ่งที่ตั้งใจแม้ความโลภจะมีมากมายแค่ไหน
บทเรียนที่สาม: ความงดงามที่ใฝ่ฝัน
ทุกๆคนมีความโลภหมดทุกคน และความโลภของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ในกรณีของแมมมอนนั้นคือความงดงามของภาพที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีการแต่งเติมใดๆ ซึ่งหาได้จากกล้องฟิล์มที่มีความละเอียดเหมือนกันหมดเพราะเป็น “ฟูลเฟรม” ที่ทำให้ภาพมีความละเอียด งดงาม สมจริง เป็นธรรมชาติและถึงแม้ปัจจุบันจะมี ”กล้อง DSLR” ที่เป็นฟูลเฟรมแล้ว แต่ราคานั้นแสนแพง ไม่เหมาะกับความโลภของแมมมอนที่เอาแต่ได้เพียงอย่างเดียว
บทเรียนที่สี่: การเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่งดงาม
แมมมอน ถึงจะเป็นชายที่มีความโลภอย่างไร้ขีดกำจัด แต่ในเรื่องการถ่ายภาพก็ยังติดอยุ่กับกรอบเดิมๆ อย่างการถ่ายภาพที่ภาพนั้นจะต้องคมชัด สีไม่เพี้ยน ไม่เบลอ ซึ่งหากได้สัมผัสกับการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มที่ไม่สามารถวัดแสงได้ อาจทำให้มีการตั้งค่าที่ผิดเพี้ยน แต่ในบางทีถ้าออกนอกกรอบบ้าง รูปที่เกิดจากการตั้งค่าที่ผิด อาจจะมีมิติที่สวยงามอย่างบังเอิญก็ได้
สี่บทเรียนของกล้องฟิล์ม ได้เติมเต็มสิ่งที่แมมมอนขาดหายไป นั่นคือการมองโลกที่ย้อนกลับเพราะมนุษย์เราทุกๆคนล้วนแต่ตามหาสิ่งใหม่เพื่อมาเติมเต็มสิ่งที่ขาด โดยไม่หยุดที่จะหันกลับมามองตนเองว่า จริงๆแล้วตัวเราไม่ได้ขาดอะไรเลย เพียงแต่เรามักมองไปข้างหน้าจนบางทีลืมมันไป