10 วิธีการเลือกซื้อ Tablet

ในปัจจุบันที่อุปกรณ์ไอทีมีออกมาวางขายอย่างหลากหลาย มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน การจะเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ย่อมต้องใช้ข้อมูล และปัจจัยหลายอย่างเป็นส่วนประกอบ เพราะเครื่องๆหนึ่งราคาก็ถือว่าไม่ได้ถูก ดังนั้นเราจะมาลองดูกันว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้เราเลือกซื้ออุปกรณ์ไอที อย่าง Tablet

1. iOS, Android or Windows?: ไอโอเอส, แอนดรอย หรือ วินโดวส์ดี?
สิ่งแรกที่เราต้องรู้จักและทำความเข้าใจก็คือระบบปฏิบัติการ แล้วระบบปฏิบัติการคืออะไร ? อธิบายแบบง่ายๆคือ “โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์(ตัวเครื่อง)และซอฟท์แวร์(แอพลิเคชั่น)” ตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็พวก Windows ซึ่ง Windows Vista, 7, 8 ต่างๆเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการเช่นกัน และแท็บเล็ตก็จำเป็นที่ต้องมีระบบปฏิบัติการไว้สำหรับใช้งาน ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็จะมีระบบปฏิบัติการหลักๆอยู่ 4 ตัวในตลาดได้แก่

• Android ระบบปฏิบัติการจากค่าย Google เดิมทีทาง Google ได้พัฒนาขึ้นมาใช้สำหรับมือถือสมาร์ทโฟน ต่อมาจึงมีการนำไปปรับปรุงแล้วใส่ในแท็บเล็ต ตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy Tab, HTC Flyer, Sony xperia z โดยตัวระบบปฏิบัติการที่ใช้นั่นจะมีการอัพเดตอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้การใช้งานมีความเสถียรมากขึ้น เริ่มตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.0 ชื่อว่า Android Froyo, 2.0 ชื่อ Ginger Bread ต่อมา Google ได้พัฒนาระบบเพิ่มเติมเพื่อใช้กับแท็บเล็ตคือเวอร์ชั่น 3.0 ชื่อ Honeycomb จากนั้นก็ส่งเวอร์ชั่นใหม่ตามมานั้นคือเวอร์ชั่น 4.0 ที่มีชื่อว่า Jelly Bean ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

• iOS ระบบปฏิบัติการจากค่าย Apple จุดเด่นของ iOS คงไม่พ้นความลื่นไหล ระบบการทำงานและระบบจัดการหน่วยความจำที่ดี ส่วนข้อด้อยเป็นระบบปฏิบัติการตัวเดียวที่ไม่รองรับ Flash (ไม่สามารถแสดงผลได้ แม้จะมีแอพฯช่วยก็ยังแสดงผลช้ามาก) และการเชื่อมต่อที่ต้องทำผ่านโปรแกรม iTune เท่านั้น

• Windows ระบบปฏิบัติการจากค่าย Microsoft หลายคนที่ชินกับการใช้งาน Windows อยู่แล้ว การใช้งานส่วนใหญ่บนแท็บเล็ตก็จะไม่ต่างกันมากนัก แต่อย่างไรก็ตามหลายๆคนที่ใช้ windows 7 อยู่ก็อาจจะยังไม่คุ้น เนื่องจากในแท็บเล็ตจะเป็น Windows 8 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานคู่กับระบบสัมผัส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบนี้ก็ยังคงเป็นรองระบบ Android และ IOS เนื่องจากเพิ่งลงมาจับตลาดแท็บเล็ตได้ไม่นาน

2. CPU & GPU: เร็วขนาดไหนถึงจะพอ?
โดยการทำงานในทั้งสองส่วนจะมีหน่วยความเร็วเป็น GHz ซึ่งยิ่งมีมากก็แปลว่าเร็วมาก ในส่วนของ CPU นอกจากจะดูเรื่อง GHz แล้วยังมีในส่วนของ แกนสมองที่ใช้ทำงานหรือที่เรียกกันว่า CORE ต่ำสุดจะอยู่ที่ 1 core/single core ตัวอย่างเช่น 4 core/quad-core จะทำงานได้เร็วกว่า 2 core/dual-core ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานด้วยว่าใช้งานแบบไหน หากแค่ไว้ใช้งานพวกเช็คเมล ดูหนัง ฟังเพลง 2 core ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ถ้าไว้ใช้เล่นเกมหนักดูหนังแบบ Full HD เลือกแบบ 4 core/quad-core ก็ดูจะเหมาะกว่า ในส่วนของ RAM ไม่ควรน้อยกว่า 1 GB น้อยกว่านี้ไม่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายประเภท ดูหนัง ฟังเพลง และใช้งานด้านเอกสารควบคู่กันไปด้วย สเปคพื้นฐานสามารถดูได้ที่ข้างกล่องสินค้าและใบแนะนำสินค้าได้เลย

3. Wireless Connection: ส่งเพลง ส่งรูปแบบไร้สาย จำเป็นมั๊ย?
ส่วนใหญ่แท็บเล็ตจะมีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ wi-fi และบลูทูธเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว (ในส่วนของแท็บเล็ตที่สามารถโทรออกได้ จะมีในส่วนของการใช้ 3G เพิ่มเข้ามา) แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูลแบบใหม่เพิ่มเข้ามาคือ NFC หรือ การรับส่งข้อมูลระยะใกล้ซึ่งทำได้รวดเร็วกว่าบลูทูธ แต่รัศมีการรับ-ส่งข้อมูลจะแคบกว่า NFC มีอยู่ในแท็บเล็ตเช่น Samsung Galaxy note 8 เป็นต้น ดังนั้นการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่มีการเชื่อมต่อไร้สายที่หลากหลาย ก็จะช่วยให้สะดวกในการรับ-ส่งข้อมูล ไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมมาช่วย NFC สามารถค้นได้จากเมนู settings>connection (แต่ละยี่ห้อจะมีตำแหน่งการวาง NFC ไม่เหมือนกัน โปรดสอบถามจนท.)

4. Connection port: ช่องเสียบรอบตัว ช่องไหนคืออะไร?
แท็บเล็ตส่วนใหญ่จะมีช่องสำหรับเชื่อมต่อผ่าน USB อยู่แล้วเป็นหลัก เพื่อไว้ใช้โอนถ่ายข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งใช้คู่กับกล้องดิจิตอลหรือมือถือ โดยไม่ต้องเสียเวลา sync ข้อมูลให้ยุ่งยาก ซึ่งทำให้ข้อมูลสูญหายได้ง่าย สำหรับ iPad ไม่มีช่องเสียบใดๆนอกจาก USB ติดมากับตัวเครื่องต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมถึงจะสามารถใช้งานได้ แต่สำหรับแท็บเล็ต Android และ Windows ส่วนมากจะมีช่องเสียบเพิ่มเติมติดมากับตัวเครื่อง โดยไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริม ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวได้ สำหรับช่องเสียบต่างๆบนแท็บเล็ตนั้น แบ่งได้ดังนี้
USB / Mini USB / micro USB – สำหรับเสียบ Flash Drive, External Harddisk, เม้าส์, คีย์บอร์ด
HDMI / mini HDMI / micro HDMI – เอาไว้ต่อออกจอทีวี (ส่วนใหญ่จะมีใน Windows Tablet)
SD / SDHC / microSD – กล้องดิจิตอลหรือกล้องวีดีโอส่วนมากจะใช้การ์ด SDHC หรือ SD ซึ่งเราก็สามารถนำไปเสียบเข้ากับแท็บเล็ตที่มีช่องเหล่านี้เพื่อทำการโอนถ่ายข้อมูลได้ทันที หรือถ้าเครื่องไหนมีช่องสำหรับใส่ microSD ก็สามารถใช้เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆได้มากกว่าความจุในตัวเครื่อง

5. Phone capabilities: โทรออกได้ แต่ไม่ใช่ทุกเครื่อง
แท็บเล็ตบางรุ่นสามารถใช้โทรออกได้เหมือนโทรศัพท์ทั่วไป จะช่วยเสริมให้คุณทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องพกอุปกรณ์สื่อสารหลายๆเครื่อง แต่ทั้งนี้ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ไม่ชอบพกเครื่องมือสื่อสารเครื่องใหญ่ๆ แต่ก็ถือเป็นฟังก์ชั่นตัวเลือกที่น่าสนใจ ถ้าต้องการแท็บเล็ตที่ทำได้ทุกอย่าง เครื่องเดียวครบ

6. Screen size and Resolution: ใหญ่หรือเล็ก? ชัดเท่าไหร่ดี?
ขนาดหน้าจอของแท็บเล็ตก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการเลือกซื้อ ขึ้นอยู่กับการใช้งานหรือความชอบของแต่ละคน ทั้งนี้การใช้งานหากเลือกขนาดที่เหมาะสมก็จะมีผลในการช่วยถนอมสายตา (หน้าจอเล็กไปอาจต้องเพ่งเวลาอ่านข้อความ) โดยจะขอแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานออกเป็น 2 กลุ่มคือ
1. กลุ่มที่ใช้งานทั่วไป กลุ่มนี้หน้าจออาจไม่ต้องละเอียดมากนัก แต่ขนาดหน้าจออาจจะต้องใหญ่สักหน่อยเพื่อช่วยในการอ่านเอกสาร
2. กลุ่มใช้เพื่อความบันเทิง กลุ่มนี้ขนาดหน้าจอจะไม่สำคัญเท่าความละเอียด หากต้องการดูหนังแบบ HD หรือเล่นเกมแบบ HD หน้าจอควรจะต้องมีความละเอียดตั้งแต่ 1280 x 720 ขึ้นไป

7. Weight: หนักไปไม่ไหวนะ
น้ำหนักถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงเนื่องจากโดยทั่วไปแล้วเรามักจะถือแท็บเล็ตใช้งานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากมีน้ำหนักมากเกิน 700 กรัมขึ้นไปการถือใช้งานจะไม่สะดวกเท่าไรนัก และยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงด้วยแล้วการใช้งานคงจะไม่สะดวกเอาซะเลย (เหมือนกำลังยกดัมเบลอยู่ยังไงยังงั้น) ดังนั้นการเลือกแท็บเล็ตที่มีน้ำหนักเหมาะสมจะเป็นผลดีต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

8. Application: แอพฯ บันเทิงเริงใจ
เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมิติและประโยชน์ในการใช้งานของแท็บเล็ต ดังนั้นคุณจึงควรถามตัวเองก่อนว่าการซื้อแท็บเล็ตของคุณนั้น เน้นการใช้งานในด้านใด เนื่องจากทั้ง iOS, Android และ Windows จำนวนแอพลิเคชั่นที่มีให้เลือกซื้อก็มีมาก-น้อยไม่เท่ากัน หากคุณเป็นคนชอบใช้งานแอพฯใหม่ๆหรือเล่นเกมบนแท็บเล็ตเป็นหลัก Android กับ Apple ก็น่าจะเหมาะกับคุณที่สุด เพราะมีแอพลิเคชั่นให้เลือกใช้หลากหลาย

9. Prices: ถูกแล้วดี มีอยู่นะ
ข้อนี้อาจถือได้ว่าเป็นปัจจัยหลัก ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้วแท็บเล็ตยังเป็นอุปกรณ์ที่อาจจะทำงานจริงจังเทียบเท่าโน้ตบุ๊กไม่ได้ แต่ราคากลับใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊กมาก ดังนั้นหากตัดสินใจที่จะซื้อมาไว้ใช้งานก็ควรจะเลือกซื้อตัวที่ราคาไม่สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับกลับมา

10. After sale service/Warranty: พังขึ้นมา ทำไงต่อดี?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหากเกิดเราซื้อมาแล้วเครื่องมีปัญหา แม้จะเครื่องจะสเปคดีแค่ไหน ของแถมเยอะยังไง แต่สุดท้ายถ้าไม่มีบริการหลังการขายหรือใบประกันสินค้า พอถึงเวลาที่เครื่องมีปัญหา ก็ไม่สามารถนำไปใช้อะไรได้ เท่ากับซื้อเครื่องเปล่าๆมาไว้ประดับบ้านเท่านั้นเอง จึงควรเช็คให้แน่ใจว่าเครื่องที่เราซื้อมามีประกันกี่ปี ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าอย่างไรและมีศูนย์ซ่อมที่ไหนบ้าง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกซื้อ Tablet สิ่งที่ควรคำนึงถึงที่สุดก้คือ จุดประสงค์ที่จะนำไปใช้

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here