ตลอดปี 2015 ที่ผ่านมา หลายบริษัทไอทีชั้นนำได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มาพร้อมอุปกรณ์ใหม่ๆ บางอุปกรณ์สามารถนำออกสู่ตลาดและสร้างยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ บางอุปกรณ์ยังเป็นเพียงต้นแบบ รอวันฉายแสงเจิดจรัสในวงการไอที เทคโนโลยีหลายต่อหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นตัวชี้นำให้เราพอประมาณได้ว่า ในปี 2016 นี้ เทคโนโลยีอะไรบ้างที่จะมาแรงและจะก้าวเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวัน
1. Oculus Rift จาก Facebook เปิดฉากสู่โลกเสมือนจริง
ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 น่าจับตามองว่า Facebook จะแสดงความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์สวมศีรษะอย่าง Oculus Rift ให้ทั่วโลกได้เห็นมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความคาดหวังในการเป็นอุปกรณ์เพื่อการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่สามารถให้ประสบการณ์ที่หลากหลาย ให้ภาพเสมือนจริงทั้งการเล่นเกม ดูหนังแบบ 360 องศา การมีส่วนร่วมในด้านการศึกษา การประชุมทางไกล เป็นต้น
2. iPhone จอ 4 นิ้ว จะกลับมา …
ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบ iPhone จอยักษ์ …. ความจริง ! ที่อาจเป็นสิ่งที่ Apple มองเห็น จนเป็นที่มาของกระแสข่าวของการหวนกลับมาพัฒนา iPhone จอ 4 นิ้ว อีกครั้งในปี 2016 ขณะเดียวกัน Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก KGI Securitiesที่มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเปิดตัวอุปกรณ์ของ Apple เชื่อมั่นว่าเดือนมีนาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้มีโอกาสที่จะได้เป็น iPhone จอ 4 นิ้ว ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล A9 เช่นเดียวกับ iPhone 6s แต่อาจจะไม่สนับสนุนเทคโนโลยี 3D Touch
3. Google Project Ara สมาร์ทโฟนถอดประกอบ คล้ายเลโก้
Google Project Ara เป็นโครงการพัฒนาสมาร์ทโฟนในฝัน ที่นักพัฒนามีความพยายามที่จะให้ผู้ใช้สามารถเลือกชิ้นส่วน จัดสเปคให้กับสมาร์ทโฟนได้ตามที่ต้องการ โครงการที่ว่านี้เกิดเป็นรูปเป็นร่างและมีการแสดงต้นแบบให้เห็นบ้างแล้ว แม้ข่าวคราวในปีที่ผ่านมาจะมีให้เห็นค่อนข้างน้อย แต่ในปี 2016 เราน่าจะได้เห็นความคืบหน้าของโครงการนี้ และแผนการที่จะนำไปสู่การเปิดตลาดสำหรับวางขายต่อไป
4. “โดรน” สำหรับส่งสินค้า
พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีทำให้ “โดรน” จากเดิมที่ใช้สำหรับถ่ายภาพหรือบันทึกวีดีโอในมุมสูง ปัจจุบันมันได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้านได้อย่างรวดเร็ว แบบไม่ต้องกลัวรถติด ซึ่งในปี 2015 ที่ผ่านมา DHL และ Amazon ได้เริ่มใช้โดรนเพื่อการส่งสินค้าขนาดเล็ก และในปี 2016 นี้ เชื่อว่ารูปแบบการส่งสินค้าด้วยโดรนจะได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงให้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ
5. Microsoft HoloLens สู่มือนักพัฒนาทั่วไป
เป็นอีกหนึ่งแก็ดเจ็ตสวมใส่ที่น่าติดตามและฮือฮาไม่น้อย สำหรับ Microsoft HoloLens แว่นตาจำลองภาพโฮโลแกรมพร้อมให้ผู้ใช้สามารถควบคุมจัดการได้เพียงปลายนิ้ว ซึ่งในปี 2015 ทาง Microsoft ได้แสดงให้เห็นว่าแว่นตาชนิดนี้สามารถใช้งานได้เสมือนคอมพิวเตอร์ จะเล่นเกม ก็ทำได้ และถูกคาดการณ์ว่า HoloLens รุ่นแรก จะเปิดให้นักพัฒนาทั่วไปได้นำไปทดลองใช้ภายในปี 2016 สนนราคาอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอจนถึงปี 2017
6. Apple Watch รุ่นที่สอง
ครั้งแรกของ Apple กับการพัฒนานาฬิกาอัจฉริยะในนาม Apple Watch ซึ่งต้องถือว่าสามารถดึงดูดกลุ่มสาวก Apple รวมถึงหลายคนที่สนใจให้จับจองเป็นเจ้าของกันได้ไม่ยาก นับตั้งแต่วางขายครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2015 จนกระทั่งวันเวลาผ่านมาเกือบ 1 ปีเต็ม จึงใกล้ถึงเวลาที่ Apple เตรียมต่อยอดด้วย Apple Watch รุ่นที่สอง โดยเว็บไซต์ 9to5Mac คาดการณ์ว่า ในรุ่นใหม่จะมีกล้องที่สามารถใช้ Face-Time ได้ มีเซนเซอร์ชนิดใหม่ๆ ขึ้นมา พร้อมการทำงานได้แบบไม่จำเป็นต้องพึ่งพา iPhone และน่าจะเปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 2016
7. ต้องมาได้แล้วล่ะ…. Microsoft Surface Phone
การใช้ Windows 10 เป็นพลังขับเคลื่อนให้กับ Lumia 950 และ 950 XL ยังไม่อาจการันตีได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Microsoft จะสามารถก้าวขึ้นมาชิงส่วนแบ่งการตลาดมาจาก iOS และ Android ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามหากแบรนด์ Lumia ไม่สามารถเข็นให้เกิดความสำเร็จ ก็อาจถึงเวลาที่เราจะได้เห็น “Surface Phone” กันเสียที หลังจากที่มีข่าวคราวมากมายให้ได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุด Chris Capossela หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ Microsoft ได้สัมภาษณ์ใน Windows Weekly show ซึ่งส่วนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ เขาเล่าว่า ด้วยบรรทัดฐานของ Surface Pro ที่ก่อให้เกิดความสำเร็จให้แก่บริษัท ในภาพของความเป็นทั้งแล็ปท็อปและแท็บเล็ตภายในเครื่องเดียว ซึ่งทำให้ Microsoft เชื่อมั่นว่าด้วยแนวทางและกลยุทธ์ที่ใช้กับ Surface อาจนำมาใช้ได้กับ Surface Phone ด้วย แต่เรื่องของเวลาคือสิ่งที่จำเป็นที่ Microsoft ต้องการทำให้มันเกิดขึ้นจริง
แถมก่อนหน้านี้ Panos Panay หัวหน้าทีมออกแบบ Surface ยังเปรยข้อมูลเป็นนัยด้วยว่า ได้รับไฟเขียวให้พัฒนาSurface Phone แล้ว และจะมีการเปิดอย่างเป็นทางการในกลางปี 2016
8. รถยนต์จะทำให้เรื่องการขับขี่ เป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น
รถยนต์ที่เราขับขี่กันจนคุ้นเคย ในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจไม่ต้องคอยจับพวงมาลัย ไม่ต้องแตะเบรค ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง เพราะด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความก้าวล้ำได้เข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างเต็มตัวแล้วก็ว่าได้ เห็นได้จากบรรดาค่ายรถยนต์ยักษ์จำนวนมากที่เริ่มหันมาเอาดีกับการผสมผสานเทคโนโลยีลงในรถยนต์ เพื่อให้มันมีความสามารถในการ “ขับเองได้” มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้ความบันเทิง ช่วยผ่อนคลายคนขับ พร้อมกันนี้พลังงานน้ำมันที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะถูกลดการใช้งานลง และหันหน้าเข้าสู่พลังงานทางเลือกอื่นๆ เช่น พลังงานไฟฟ้า หรือไนโตรเจน เป็นต้น
ไม่เพียงแค่ค่ายรถยนต์เท่านั้นที่เริ่มพัฒนารูปแบบใหม่ของรถยนต์ แต่ Google เองยังทำการทดสอบรถยนต์ขับเองได้ของตัวเองด้วย แถม Apple และ Samsung ก็มีทีท่าที่จะโดดร่วมวงในอุตสาหกรรมยานยนต์เช่นเดียวกัน
9. iPhone 7 การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของสมาร์ทโฟนสุดฮอต
ไม่เพียงแค่ iPhone จอ 4 นิ้ว ที่ตกเป็นข่าวจะเปิดตัวในปี 2016 แต่ “iPhone 7” ว่าที่สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ของหลายๆ คน (รึเปล่า ?) ถูกคาดหมายเช่นกันว่า “มันมาแน่ๆ” หลังจาก Apple ตัดสินใจเดินตามความต้องการของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในตลาด ด้วยการอัพไซส์หน้าจอจากเดิม 4 นิ้ว ขึ้นมาเป็น 4.7 และ 5.5 นิ้ว ตั้งแต่ iPhone 6 ได้สร้างยอดขายและความนิยมอย่างถล่มทลาย ปัจจุบัน iPhone 6s ที่เป็นรุ่นล่าสุดได้เพิ่มเติมเทคโนโลยีมากมายที่ Apple คิดว่ามันจะสะดวกสำหรับคนใช้มากขึ้น
แต่ใน iPhone 7 ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนกันยายน กระแสข่าวมากมายของสื่อต่างประเทศชี้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการตัดปุ่มโฮมหรือสแกนลายนิ้วมือทิ้งและหันมาใช้ปุ่มทัชสกรีนบนหน้าจอแทน หรือการตัดพอร์ตต่อหูฟังออกเพื่อทำให้ตัวเครื่องมีความบ๊างบางลงไปอีก ส่วนจะเป็นความจริงแค่ไหน ช่วงนี้คงต้องมโนกันไปพลางๆ ล่ะครับ
10. เทคโนโลยี “ปัญญาประดิษฐ์” จะฉลาดมากขึ้น
Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ ถือเป็นอนาคตแห่งวงการเทคโนโลยี ด้วยคุณสมบัติที่จะเข้ามาช่วยให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทันสมัยและชาญฉลาด สามารถเรียนรู้และสนับสนุนกิจกรรมที่มนุษย์ต้องการให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น แม้ก่อนหน้านี้ Bill Gate มหาเศรษฐีและผู้ก่อตั้ง Microsoft และ Stephen Hawking นักฟิสิกส์ชื่อดังชาวอังกฤษ จะมองว่าปัญญาประดิษฐ์อาจทำให้ในอนาคตมีความฉลาดเหนือกว่ามนุษย์ จนส่งผลให้เกิดภัยคุกคามต่อมนุษยชาติได้
แต่ปัจจุบัน Elon Musk ผู้ก่อตั้ง PayPal , Tesla motors และ Space X ร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เปิดบริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสนับสนุนโครงการและเผยแพร่เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นพลังในการขับเคลื่อน โดยมุ่งเน้นให้เป็นบริษัทที่ไม่แสวงผลกำไร และให้ประโยชน์กับทุกคน
นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าบริษัทอย่าง Google, Facebook หรือแม้กระทั่ง Apple เริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี AI มากขึ้น ดังเห็นได้จากเครื่องมือที่ใกล้ตัวที่สุดอย่าง Siri หรือ Google Now แถมล่าสุดเทคโนโลยีในชื่อ Watson ยังเป็น AI ที่เกิดจากการพัฒนาโดย IBM ที่มีความสามารถและทำงานแทนมนุษย์ได้บ้างแล้ว เช่น การคิดค้นเมนูอาหาร แข่งเกมโชว์ เป็นต้น