เรื่องแปลกมักเกิดขึ้นเสมอในโลก ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจหาเหตุผลทางไศยสาตร์มาอธิบาย แต่สำหรับยุคนี้แล้ว วิทยาศาตร์มีคำตอบให้เสมอ
อย่างกรณีล่าสุดของอาม่าวัย 94 ปี นามว่านางหลิว เจี่ยหยู ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมองตีบ ซึ่งอาการหนักจนทำให้สมองบางส่วนตายไป ซึ่งดั๊นเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการสื่อสารภาษาท้องถิ่น เลยทำให้อาม่าลืมภาษาเกิดไปหมด แต่ที่ยังพูดภาษาอังกฤษได้นั้นก็เพราะ อาม่าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และสมองในส่วนการควบคุมภาษาที่ 2 ยังใช้การได้ สรุปพอฟื้นมาเลยพูดได้แต่ภาษาอังกฤษ
แพทย์กล่าวว่า นางหลิว เจี่ยหยู ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมองตีบ รายนี้มีบางส่วนของสมองตายไป และเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการสื่อสารภาษาท้องถิ่น ทางด้านนายเกรกอรี่ โอชานิก นักประสาทวิทยาชาวสหรัฐฯ กล่าวกับ เอบีซีนิวส์ ว่าบางครั้งผู้ป่วยที่ฟื้นจากโรคนี้ จะมีโอกาสกลับมาใช้ภาษาที่สองมากกว่าภาษาชาติกำเนิดของตน ข้อมูลเกี่ยวกับภาษาชาติกำเนิดของบุคคลนั้น จะอยู่ที่สมองส่วนหนึ่ง และภาษาที่สองซึ่งมาเรียนรู้ภายหลังนี้จะเป็นการทำงานของสมองอีกส่วน
กรณีโรคแปลกๆ แบบนี้ก็เคยมีข่าวในช่วงปลายปีก่อน ซึ่งเกิดกับหนุ่มออสซี่ที่ป่วยโคม่า แต่พอตื่นมาพูดภาษาจีนคล่องปร๋อ ทั้งที่เรียนในห้องเรียนนิดหน่อย แถมต้องใช้เวลาอีกหลายวันถึงนึกวิธีการพูดภาษาอังกฤษได้
เมื่อช่วงเดือนกันยายนปี 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า แพทย์ในโรงพยาบาลจากเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย มีอันต้องอึ้ง เมื่อพบว่า นายเบนจามิน เม็คฮอน ชายหนุ่มที่อยู่ในอาการโคม่านานกว่าสัปดาห์หลังประสบอุบัติเหตุ ตื่นขึ้นมาแล้วสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าเจ้าตัวจะเคยเรียนภาษาจีนมาเพียงเล็กน้อยที่โรงเรียน แต่ไม่ถึงขั้นเก่งก็ตาม
โดยเบนจามิน วัย 22 ปี เปิดเผยว่า เมื่อ 2 ปีก่อนเขาตื่นมาจากอาการโคม่าและพบว่าสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการพูดภาษาจีนกลาง เขาฟื้นขึ้นมาและเห็นพยาบาลที่ดูเป็นคนเอเชียยืนอยู่ข้าง ๆ เตียง ก็เลยพูดออกไปเป็นภาษาจีนว่า “คุณพยาบาลครับ ผมรู้สึกเจ็บจริง ๆ” จากนั้นเขาก็ขอปากกาและกระดาษก่อนจะเขียนภาษาจีนลงไปว่า “ผมรักพ่อและแม่ ผมจะหายดีแล้วนะ”
ก็ไม่รู้ว่าถ้าเราอยากเก่งภาษาแบบนี้บ้างต้องป่วยโคม่าหรือเปล่านะนี่???