สูบเอาๆ จนแบตหมดไว… ทำไงดี?

เดือนกันยายนนี้เปิดตัวแน่นอนสำหรับ iPhone 5 นายเกาเหลาเองก็อยากรู้ว่า ถ้า iPhone มันมีหน้าจอใหญ่ขึ้นจะเป็นยังไง เพราะขนาดจอเท่าที่มีในปัจจุบันยังรับประทานแบตชนิดสูบเอาสูบเอา คราวนี้ถ้าจอมันใหญ่ขึ้นก็เลยไม่กล้าคิดว่าแบตจะหมดเร็วกว่าเดิมขนาดไหน

พูดถึงปัญหาแบตหมดไว ต้นเหตุก็มาจากสารพัดงานที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อเรารู้ต้นเหตุแล้ว จัดการแก้ไขปรับแต่งให้เหมาะสม อะไรที่ไม่จำเป็นก็ปิด แล้วก็เลือกเปิดใช้เฉพาะฟังก์ชันที่จำเป็น ก็จะช่วยทำให้แบตใช้งานได้นานขึ้น ต่อไปนี้คือเทคนิคการประหยัดแบตแบบง่ายๆ ที่เราทำเองได้เลย

1. ปิดแอพฯ ให้หมด : ตามปกติแล้วเวลาที่เราเปิดแอพฯ พอไม่ใช้ก็จะใช้วิธีกดที่ปุ่ม Home ซึ่งวิธีการแบบนี้เป็นเหมือนการย่อหน้าจอ แต่แอพฯยังคงถูกเปิดอยู่ด้านหลังของแบ็กกราวนด์จอ ดังนั้นแค่เราไล่ปิดแอพฯ ที่ไม่ได้ใช้ลงให้หมด ก็จะช่วยประหยัดแบตไปได้เยอะ ซึ่งวิธีการปิดก็แค่กดปุ่ม Home จำนวน 2 ครั้งติดกัน ด้านล่างของหน้าจอก็จะปรากฏไอคอนแอพฯ ที่ถูกเปิดค้างอยู่ ให้แตะที่ไอคอน (ด้านล่างที่เพิ่งโผล่ออกมาให้เห็น) สักอันหนึ่งค้างไว้ จะเห็นเครื่องหมาย “ลบ” อยู่ตรงมุม เราก็แค่ไล่แตะเครื่องหมาย “ลบ” เพื่อปิดแอพฯ จนหมด
Bat1
2. ปิดระบบการแจ้งเตือน : เพราะเราติดต่อกันผ่าน Social Media กันตลอดเวลา ก็เลยทำให้พอมีคนมาคอมเมนต์ facebook ก็มีข้อความแจ้งเตือน มีคนทักมาทาง Line ก็มีข้อความแจ้งเตือน แต่บางทีมันก็เตือนบ่อยเว่อร์จนมากวนเวลาส่วนตัวเรา ซึ่งเราสามารถปิดมันได้ โดยเข้าไปที่ Settings -> Notifications แล้วก็เลือกว่าจะปิดตัวแจ้งเตือนอะไรบ้าง
bat2
3. ปิด Wi-fi : มีหลายคนบอกให้ปิด 3G เพราะมันกินแบตเยอะ แต่สำหรับนายเกาเหลากลับคิดต่าง เพราะยังไงเราก็อยากใช้ 3G แต่สิ่งที่ควรปิดคือ Wi-Fi เพราะส่วนใหญ่เราใช้ 3G อยู่แล้วนี่นา สำหรับการปิดก็แค่เข้าไปที่ Settings -> General -> Network -> Wi-Fi
bat3
4. ตั้งค่าความสว่างให้เป็นแบบอัติโนมัติ : อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยได้คือการตั้งค่าความสว่างให้มันเป็นแบบปรับเอง ตรงไหนควรมืดก็มืด ตรงไหนควรสว่างก็สว่าง วิธีการคือเข้าไปที่ Settings -> Brightness แล้วก็เลือกเป็น Auto-Brightness
bat4
5. ใช้แบตสำรอง : หลังจากทำมาทั้ง 4 วิธีข้างต้นแล้ว แบตก็ยังหมดก่อนเวลาอันควรอยู่ดี นายเกาเหลาก็มีไม้ตายสุดท้าย คือใช้ “แบตสำรอง” หรือที่เรามักเรียกว่า “Mobile Booster” โดยมีหลักการทำงานคือ ต้องชาร์จไฟเข้าไปในแบตเตอรี่สำรองก่อน แล้วแบตเตอรี่สำรองนั้นจะเป็นแหล่งพลังงานที่เราจะชาร์จไปยัง iPhone ต่อไป โดยแบตสำรองจะมีอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ แบบเสียบโดยตรงกับตัวเครื่อง และแบบต้องเสียบสายต่อ สิ่งที่ควรคำนึกถึงในการเลือกคือความจุไฟของแบตเตอรี่ (mAh หรือมิลลิแอมป์ ชั่วโมง) ถ้าเลขนี้ยิ่งมาก แบตก็สามารถเก็บไฟได้มาก ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพ เช่น ถ้าแบตเตอรี่สำรองมีความจุ 1500 mAh ก็จะสามารถชาร์จ iPhone ได้ประมาณ 1 รอบ (iPhone 4 มีแบตเตอรี่ 1420 mAh) และถ้าแบตเตอรี่สำรองมีความจุ 5000 mAh ก็จะสามารถชาร์จ iPhone ได้ประมาณ 3 รอบกว่าๆ เลยทีเดียว
bat5

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here