ฟังดูเหมือนสโลแกนของอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรสักอย่าง จริงๆ แล้วไม่ใช่นะครับ แต่กำลังจะพูดถึงเรื่องมาตรฐานอุปกรณ์ที่คุณใช้งานกันอยู่เกือบทุกวัน ซึ่งเรียกว่าบลูทูธนั่นเอง โดยที่ล่าสุด BSIG หรือ Bluetooth Special Interest Group ได้ปล่อยอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ในการเชื่อมต่อสำหรับเพิ่มฟีเจอร์ในการใช้งานของบลูทูธออกมาเป็นเวอร์ชั่น Bluetooth 4.2 หลังจากที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้และได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อหรือความเร็ว เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความปลอดภัยและเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบการเชื่อมต่อแบบ IP (IP Conectivity) ร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้การทำงานร่วมกับอุปกรณ์อัจฉริยะรุ่นใหม่ๆ รวมถึงอุปกรณ์ประเภท IoT หรือ Internet of Thing นั้นสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ให้ยุ่งยากอีกด้วย
สำหรับการเชื่อมต่อบนบลูทูธใหม่นี้จะเน้นไปที่การใช้งานลักษณะที่เรียกว่าสมาร์ทบลูทูธหรือ Bluetooth LE ที่เน้นการใช้พลังงานต่ำออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ที่ใช้ติดตัวกันอยู่ประจำ ไม่ว่าจะใช้ในการตรวจเช็คสภาพร่างการขณะออกกำลังหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านก็ตาม อีกทั้งเน้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นสำคัญ ซึ่ง Bluetooth 4.2 นี้ จะรองรับการเชื่อมต่อผ่านการทำงาน IPv6 ที่ใช้พลังงานน้อยลง หรือบลูทูธสมาร์ทเกตเวย์ โดยที่การใช้ระบบ IP จะเริ่มใช้ได้ในเดือนธันวาคมนี้ แต่สำหรับ Gateway คาดว่าจะใช้ได้ในช่วงปี 2015
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านระบบความปลอดภัย โดยที่ Bluetooth 4.2 ยังมาพร้อมการเข้ารหัส FIPS สำหรับระบบสมาร์ทล็อคร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ โดยจะเป็นตัวเลือกในด้านความเป็นส่วนตัวมากขึ้น จะจำกัดระบบติดตามของผู้ใช้จาก Location ซึ่งจะกำหนดให้เฉพาะกับเจ้าของอุปกรณ์และที่ยืนยันตัวตนได้เท่านั้น อุปกรณ์ที่นำมาใช้ร่วมกับบลูทูธใหม่นี้ นอกจากจะได้ประโยชน์จากการใช้พลังงานที่ลดลงเพื่อให้ใช้งานได้นานแล้ว ยังมีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วขึ้นอีกด้วย ในอัตรา Transfer rate ในการส่งข้อมูลขนาดใหญ่มากกว่าเดิมถึง 10 เท่าและที่น่าสนใจคือ BSIG แจ้งถึงการอัพเกรดของอุปกรณ์รุ่นเก่าให้เป็น Bluetooth 4.2 ด้วยการอัพเดตเฟิร์มแวร์ แต่จะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์บางส่วนได้เหมือนกับอุปกรณ์ที่ออกแบบมาโดยตรง ส่วนการจะอัพเดตนั้น ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาอุปกรณ์แต่ละราย
ที่มา : techreport