อีกไม่กี่วันแล้ว ที่ Airtag ใกล้จะได้ฤกษ์วางขายในประเทศไทย โดย เป็นอุปกรณ์ติดตามของหายที่อาศัยเครือข่าย Find My ของผู้คนนับล้านในการค้นหาของที่หายไป ซึ่งจะสามารถระบุในคร่าว ๆ ว่าของนั้นอยู่ที่ไหน วันนี้เลยอยากพามาเจาะลึกเครือข่าย Find My เทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ Apple คิดค้นขึ้นมาครับ
ทุกวันนี้ เรามีอุปกรณ์ที่สามารถห้อยติดตามของที่หายบ่อย ๆ อย่าง กุญแจรถ รีโมท หรืออื่น ๆ แต่อุปกรณ์เหล่านี้ต้องพึ่งพาสัญญาณระยะใกล้เช่น Bluetooth หรืออยู่ในวง Lan เดียวกัน
เครือข่าย Find My ของ Apple ก็ใช้ Bluetooth แต่เป็นการใช้จากหลาย ๆ เครื่อง ผ่านอุปกรณ์ของ Apple ที่รับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้เช่น iPhone หรือ iPad
ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนขโมย iPhone ของเราไป ถ้าในละแวกบ้านของโจรมีคนใช้ iPhone เหมือนกัน เมื่อเรากดใช้ Find My.. iPhone ของเพื่อนบ้านโจรจะทำการระบุตำแหน่งและส่งข้อมูล Location มาที่เรา และทำให้เรารู้ตำแหน่งในที่สุดครับ
ในการออกแบบเครือข่าย Find My เพื่อระบุตำแหน่งอุปกรณ์ที่หาย ระบบ Bluetooth จะถูกตั้งค่าให้ทำงานเบื้องหลัง ซึ่งจะมีไม่กินพลังหรือสร้างภาระให้กับเครื่องที่ส่งตำแหน่ง ฉะนั้่น ไม่ต้องกังวล หาก Apple จะใช้มือถือเราเป็นเครื่องส่งตำแหน่งครับ
แต่หากใครกังวลเรื่องความปลอดภัย ว่าจะมีคนแฮกเข้าเครือข่าย Find My แล้วค้นหาข้อมูลตำแหน่งของเราไหม อันนี้ หมดกังวัลไปได้เลยครับ ตั้งแต่การล๊อกอินเข้าเครือข่ายที่ Apple ต้องใช้ OTP หากเราไม่ได้ใช้ IP Address เดิมในการล๊อกอิน และหากแฮกเกอร์ทำจนล๊อกอิน Apple ID สำเร็จ ข้อมูลที่วิ่งในเครือข่าย Find My จะถูกเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ซึ่งไม่สามารถระบุตัวตนได้เลย
ต้องยอมรับว่าแอปเปิลเก่งที่สร้างเครือข่ายนี้ขึ้นมาและใช้งานได้จริง แต่อาจจะมีข้อเสีย หากพื้นที่นั้น ๆ มีการใช้อุปกรณ์จาก Apple น้อยมาก ซึ่งจะทำให้การระบุตำแหน่งอาจคลาดเคลื่อนได้ครับ
หากอ่านที่ผมเขียนมาทั้งหมด เราก็จะเห็นข้อดีหลาย ๆ อย่างของ Find My แต่มันก็มีผู้ใช้บางคนที่เอาไปใช้มันผิด ๆ เหมือนกันนะ ผมเคยเจอเพื่อนคนหนึ่งที่ภรรยาของเพื่อน เอา iPhone เครื่องเก่าไปแอบใส่ไว้ในรถมัน เพื่อดูว่า เวลาที่ออกไปจากบ้าน เพื่อนไปทำงานจริงไหม แต่ด้วยความที่โทรศัพท์มันก็ค่อนข้างจะใหญ่เนอะ และก็ต้องหยิบออกมาชาร์จบ่อย ๆ เพื่อนมันก็เลยรู้ตัวก่อน
แต่เมื่อ Airtag เปิดตัว เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก แถมแบตอยู่ได้เป็นปี ก็เลยเกิดความกังวลว่าจะมีคนใช้อุปกรณ์ Airtag ในการ Stalker หรือติดตามเราหรือเปล่า อันนี้ Apple ทำมาป้องกันไว้แล้วครับ
หากเราใช้ iPhone และมีคนเอา Airtag มาหย่อนไว้ในกระเป๋า iPhone ของเราจะแจ้งเตือนทันทีว่ามี Airtag ของใครก็ไม่รู้อยู่ใกล้ตัว
แต่หากเราไม่ได้ใช้ iPhone ก็ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะหาก Airtag อยู่ห่างจากเจ้าของเกิน 3 วัน (ระยะเวลานี้ อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต) มันจะส่งเสียงต่อเนื่องจนกว่าจะมีคนพบมัน หากอยู่ดี ๆ มีอุปกรณ์ตัวจิ๋วนี้ดังอยู่ในกระเป๋า เราก็แค่หยิบมันขว้างทิ้งไปครับ
แต่หากเราเดินไปเจอ อะไรก็ตามที่แปะ Airtag ไว้ ก็สามารถแสกน QR Code เพื่อทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ของ Apple ในการนำของคืนเจ้าของครับ และอย่าคิดจะหยิบไปใช้เป็นของตนเอง เพราะ Apple ได้เอามันไปผูกไว้กับ Apple ID หากเจ้าของเก่าไม่ได้ปลดล็อคก่อน ไม่ได้ทางที่ใครจะหยิบไปใช้ได้ครับ