สืบเนื่องจากข่าวการแฮกข้อมูลของผู้ใช้ iPhone, iPad & iPod Touch จากโน้ตบุ๊กของ FBI ซึ่งมีการแฮกไปมากถึง 12 ล้านรายการ (นอกจาก ID แล้ว ยังมีชื่อของคุณ ตลอดจนข้อมูลส่วนตัวที่อาจจะมีเรื่องธนาคาร หรือบัตรเครดิตเกี่ยวข้องด้วยก็ได้) โดยประเด็นที่น่าวิตกก็คือ ทางแฮกเกอร์ได้นำข้อมูลของ Apple ID ที่แฮกได้ไปเผยแพร่บนเว็บไซต์มากถึง 1 ล้านเรคอร์ด แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ในหนึ่งล้านรายการนั้นมีข้อมูลของเราอยู่ด้วย หรือไม่?
เว็บไซต์ LastPass ได้จัดทำหน้าเว็บพิเศษที่ใช้ตรวจสอบว่า คุณเป็นเหยื่อการโจรกรรมข้อมูลครั้งนี้ด้วย หรือไม่? แต่การหาคำตอบดังกล่าว ระบบจะต้องได้รับการป้อน UDID ซึ่งมันย่อมาจาก Unique Device IDentifier โดยไอโฟน ไอแพด หรือไอพอดทัช แต่ละเครื่องจะมี UDID เป็นของตนเอง ประกอบด้วยชุดตัวเลข และตัวอักษร 40 ตัวในการที่จะใช้ระบุตัวเครื่องของคุณ มันจะคล้ายๆ กับ Serial Number แต่เดายากกว่ามาก อย่างเช่น
2b6f0cc904d137be2e1730235f5664094b831186 นอกจากการนำ UDID ไปใช้ตรวจสอบการโดนแฮกข้างต้นแล้ว UDID เอาไว้ใช้ทำอะไร? ปกติ iPhone จะสามารถติดตั้งแอพฯ ที่ผ่านการรับรองจาก Apple เท่านั้น โดยแอพพลิเคชันที่อยู่ใน App Store จะต้องได้รับการรับรองจาก Apple แต่หากลูกค้าต้องการทดสอบแอพฯ ก่อนที่มันจะเข้าไปอยู่ใน App Store ก็สามารถทำได้ด้วยการลงทะเบียน UDID กับ Apple เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับรอง และใช้งานแอพฯ ทดสอบดังกล่าวบน iPhone หรือ iPad ได้
คราวนี้มาถึงประเด็นที่เราจะพูดถึงกันในทิปนี้ นั่นก็คือ เราจะรู้ UDID ของ iPhone, iPad และ iPod Touch ได้อย่างไร? คำตอบนั้นง่ายมาก และมันอยู่ตรงหน้าเรา เพียงแต่มองไม่เห็น โดยเฉพาะเวลาที่เราเชื่อมต่ออุปกรณ์กับ iTunes บนคอมพิวเตอร์ โดยให้คุณคลิกที่เซ็กชัน Devices ใน iTunes จากนั้นคลิกแท็บ Summary มองหารายการที่ระบุว่า Serial Number: xxxxxx ให้คลิกเมาส์บนรายการนี้ มันจะเปลี่ยนเป็น Identifier: xxxxxxxx ซึ่งชุดข้อมูลนี้ก็คือ UDID นั่นเอง ง่ายไหมละครับ