Deepfake เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเขย่าวงการดิจิทัลได้อย่างมากครับ ซึ่งปัจจุบันมันกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นไปไม่ได้ที่องค์กรยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องมือการสร้าง Content ของโลกอย่าง Adobe จะไม่เข้ามามีส่วนร่วม
.
ในการประชุมประจำปีของ Adobe บริษัทได้เปิดตัวเครื่องมือต้นแบบชื่อ Project Morpheus ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับสร้าง Deepfake แม้จะยังไม่สำเร็จดี แต่ Adobe ยังพบปัญหาในการผสาน Deepfake เข้ากับผลิตภัณฑ์ของบริษัท หรือก็คือยังไม่รู้ว่าจะเอามันไปใช้ทำอะไรนั่นแหละ
.
Project Morpheus นั้นเป็นฟิลเตอร์ที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อปรับรูปลักษณ์ของตัวแบบ ปรับแต่งสิ่งต่าง ๆ เช่น อายุ สีผม และการแสดงออกทางสีหน้า แต่ในความเป็นจริง เครื่องมือของ Adobe ยังไม่ฉลาดล้ำที่สุด เพราะสามารถปรับแต่งรูปลักษณ์ของผู้คนที่หันหน้าเข้าหากล้องได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ เช่น การสลับหน้า แตกต่างจากเครื่องมือ Deepfake ที่ปล่อยกันบน Dark Web ที่สามารถเอารูปใครไปใส่ก็ได้ และสามารถสลับหน้าคน ๆ นั้นกับวีดีโอลามกได้ทันที
.
สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นปัญหากับ Adobe คือ ปัจจุบัน Deepfake ถูกใช้ในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อในวีดีโอลามากอนาจารหรือการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง แน่นอนว่าหาก Adobe นำมาเปิดให้บริการสาธารณะ อาจจะเกิดปัญหามากกว่า
.
ในความเป็นจริงแล้ว จุดประสงค์ของการสร้าง Deepfake คือการใช้ในการสร้างตัวตนของใครสักคนขึ้นมาเป็นเพื่อนคุย หรือจะใช้ในการทางการแพทย์เพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยทางจิต และอื่น ๆ (ที่ไม่ใช่เรื่อง 18+ และการใส่ร้ายทางการเมือง) แต่น่าเศร้าที่การพัฒนาเทคโนโลยีถูกนำไปใช้แบบนั้นครับ
.
แม้ Deepfake จะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่ adobe ไม่ควรปล่อยไป แต่บริษัทยังไม่สามารถปลั๊กกับเข้ากับโปรดักส์อื่น ๆ ภายในได้ ทำให้มันยังไม่ถูกปล่อยใช้งานในเร็ว ๆ นี้ครับ มาลองนึกเล่น ๆ กันดีกว่าว่า หาก Adobe ปล่อยให้ใช้ เราจะเอามันไปใช้ทำอะไร….
.
ข้อมูลจาก
https://www.theverge.com/2021/10/27/22748508/adobe-deepfake-tool-max-project-morpheus